ตลาดหุ้นทั่วโลกฟื้นแรง บทเรียนจากวันปลดแอกสู่ยุคดอกเบี้ยขาลง
- ตลาดหุ้นทั่วโลกในปี 2568 ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง โดยดัชนีในหลายประเทศรวมถึงไทยพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ สวนทางกับความกังวลในช่วงต้นปี
- บทเรียนสำคัญสำหรับนักลงทุนคือการอยู่ในตลาดระยะยาว (Time in the market) มีความสำคัญกว่าการพยายามจับจังหวะ (Timing the market) เนื่องจากการฟื้นตัวของตลาดมักเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและไม่คาดคิด
- เมื่อธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เข้าสู่วัฏจักรดอกเบี้ยขาลง นักลงทุนควรวางกลยุทธ์ใหม่ เช่น เพิ่มสัดส่วนหุ้นคุณภาพ กระจายการลงทุนไปยังตลาดเกิดใหม่ และถือพันธบัตรระยะกลาง-ยาว
ปี 2568 กลายเป็น "ปีแห่งความสุข" ของนักลงทุนทั่วโลก เมื่อดัชนีหุ้นจากสหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่น ไปจนถึงไทยต่างพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง หลายตลาดทำสถิติ All Time High สวนทางกับความกังวลในช่วงต้นปีที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน โดยเฉพาะ “วันปลดแอก” ที่นักลงทุนจำนวนไม่น้อยตัดสินใจขายตัดขาดทุนจากความกลัว
บทเรียนสำคัญในปีนี้คือ “อยู่ในตลาดให้ได้นาน” มากกว่าการพยายามจับจังหวะ เพราะการฟื้นตัวของตลาดมักเกิดขึ้นรวดเร็วและไม่รอใคร พร้อมกันนี้ยังมีคำถามใหม่เกิดขึ้นว่า
เมื่อเฟดเข้าสู่วัฏจักรดอกเบี้ยขาลง ตลาดไหนจะเป็นโอกาสต่อไป และนักลงทุนควรวางกลยุทธ์อย่างไรในยุคที่เงินสดเริ่มเคลื่อนตัวกลับสู่สินทรัพย์เสี่ยง
ปีแห่งการฟื้นตัว: บทเรียนจากตลาดหุ้นโลก
"ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์“ CEO Jitta Wealth ฉายภาพ ในปี 2568 ถือเป็นปีทองของนักลงทุนทั่วโลก ตลาดหุ้นหลายแห่งปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยเฉพาะตลาดสหรัฐฯ ที่ทำสถิติ All Time High อย่างต่อเนื่อง ตลาดจีนเริ่มฟื้นตัวหลังจากช่วงซบเซา และแม้แต่ตลาดหุ้นไทยที่เคยร่วงลงลึกสุดใจ ก็สามารถดีดกลับขึ้นมาได้กว่า 20% จากระดับ SET 1,000 จุด สู่ 1,200 จุดในปัจจุบัน
ย้อนรอย “วันปลดแอก” และบทเรียนสำคัญ
หากย้อนกลับไปเมื่อต้นเดือนเมษายน วันที่ประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศสงครามภาษี หลายคนตัดสินใจขายตัดขาดทุนด้วยความกลัว แต่วันนี้ตลาดกลับฟื้นตัวอย่างน่าทึ่ง กลายเป็นบทเรียนสำคัญว่า “การอยู่ในตลาด” อาจให้ผลตอบแทนมากกว่าการพยายามจับจังหวะ
วอร์เรน บัฟเฟตต์ นักลงทุนระดับตำนานวัย 97 ปี เคยกล่าวไว้ว่า “Time in the market is more important than timing the market.” การถือครองหุ้นระยะยาวอย่างมีวินัย คือหัวใจของการลงทุนที่ยั่งยืน
ตลาดหุ้นทั่วโลกเด้งกลับแบบไม่รอใคร
ไม่เพียงแค่นั้น ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ญี่ปุ่น ยุโรป เยอรมัน ต่างทำสถิติสูงสุดใหม่ นักลงทุนที่รอ “จังหวะเหมาะสม” อาจพลาดโอกาสสำคัญ เพราะการฟื้นตัวของตลาดมักเกิดขึ้นรวดเร็วและไม่ส่งสัญญาณล่วงหน้า
Warren Buffett Indicator: สัญญาณเตือนหรือโอกาส?
ตราวุทธิ์ กล่าวว่า ตัวชี้วัดมูลค่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ หรือ “Warren Buffett Indicator” พุ่งแตะระดับ 220% สูงกว่าช่วงฟองสบู่ดอทคอมที่เคยอยู่ที่ 190% ทำให้นักลงทุนหลายคนตั้งคำถามว่า ตลาดจะไปต่อหรือถึงเวลาพักฐาน
ขณะเดียวกัน เม็ดเงินลงทุนกว่า 7 ล้านล้านดอลลาร์ยังคงพักอยู่ในตลาด Money Market รอจังหวะที่เหมาะสมในการกลับเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยง
กลยุทธ์ของนักลงทุนระดับโลก: ถือเงินสดอย่างมีเป้าหมาย
นักลงทุนระดับโลก เช่น วอร์เรน บัฟเฟตต์ ไม่ได้ถือหุ้นเต็มพอร์ตเสมอไป ปัจจุบันเขาถือพันธบัตรสหรัฐฯ ถึง 50% ของพอร์ต เพื่อรอจังหวะเข้าซื้อหุ้นดีราคาถูก เช่น United Health Group (UNH) และขายหุ้นที่มีมูลค่าสูงเกินไป เช่น BYD
นี่คือการบริหารพอร์ตแบบมืออาชีพผ่านแนวคิด Asset Allocation ที่เน้นความยืดหยุ่นและการจัดสรรสินทรัพย์ตามสภาวะตลาด
กลยุทธ์ลงทุนในยุคดอกเบี้ยขาลง
เมื่อเฟดเข้าสู่วัฏจักรดอกเบี้ยขาลง ”ตราวุทธิ์“ แนะว่า นักลงทุนควรพิจารณา 4 กลยุทธ์สำคัญ ดังนี้
1. เพิ่มสัดส่วนหุ้นคุณภาพ ที่มีพื้นฐานแข็งแกร่งและราคายังไม่สะท้อนมูลค่าที่แท้จริง
2. กระจายการลงทุน ไปยังตลาดที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ เช่น ตลาดเกิดใหม่
3.ถือพันธบัตรระยะกลาง-ยาว เพื่อรับผลตอบแทนจากดอกเบี้ยที่ลดลง
4. รักษาสภาพคล่องบางส่วน เพื่อพร้อมเข้าซื้อเมื่อเกิดการปรับฐาน
การลงทุนไม่ใช่เรื่องของการคาดเดา แต่คือการวางแผนอย่างมีวินัยและปรับตัวตามสถานการณ์ หากคุณอยู่ในตลาดอย่างต่อเนื่องและมีการจัดพอร์ตอย่างชาญฉลาด โอกาสสร้างผลตอบแทนระยะยาวจะอยู่ในมือคุณเสมอ
ที่มา… https://www.bangkokbiznews.com/finance/stock/1200707