หลังวิกฤตโควิด ได้เกิด " แนวคิด พฤติกรรม และวิถีชีวิตแบบใหม่ " ที่เรียกกันว่า New Normal ขึ้นมาหลายอย่าง
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ Social Distancing การรักษาความสะอาด การใส่หน้ากากอนามัย การ work from home หรือการใช้ชีวิตบนออนไลน์แบบเต็มรูปแบบ ไม่ว่าจะประชุม เรียน ช้อปปิ้ง หรือแม้กระทั่งปาร์ตี้
ซึ่งทั้งหมดนี้ ทำให้เกิดแนวคิดที่ว่า บ้านคือทุกสิ่ง Everything At Home หรือที่เรียกว่า "เศรษฐกิจติดบ้าน"
เพราะผู้คนต้องใช้เวลาอยู่บ้านมากขึ้น ทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่บ้านมากขึ้น บ้านยุคนี้จึงเป็นมากกว่าที่อยู่อาศัย แต่ต้องสามารถรองรับไลฟ์สไตล์ในการใช้ชีวิตของคนที่อาศัยได้มากขึ้นด้วย
ซึ่งสำหรับนักลงทุน พฤติกรรม New Normal เหล่านี้ล้วนส่งผลต่อปัจจัยในการพิจารณาเลือกลงทุนอสังหาฯ ต่อจากนี้ไปอย่างแน่นอน
วันนี้จึงอยากเชิญชวนนักลงทุนที่สนใจกลุ่มอสังหาฯอยู่ มาดูข้อมูลงานวิจัยเกี่ยวกับที่อยู่อาศัยจาก ศูนย์วิจัยอนาคตศึกษา ฟิวเจอร์เทลส์ แล็บ (FutureTales Lab) และศูนย์วิจัยและนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน (Research & Innovation for Sustainability Center -RISC)
พร้อมตัวอย่างโครงการต่าง ๆ ที่พัฒนาจากผลวิจัยเหล่านี้ ภายใต้การดำเนินงานของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่อย่าง MQDC หรือ บริษัทแมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด กันครับ
3 แนวคิดใหม่ ของผู้บริโภคยุคหลังโควิด
ในการเลือกซื้อที่อยู่อาศัย
- “ทำเล” จะไม่สำคัญเหมือนเดิม
จากเดิมที่ทุกอย่างวิ่งเข้าสู่กลางเมือง คนเน้นที่อยู่อาศัยติดแนวรถไฟฟ้า แต่ต่อจากนี้ ไม่ว่าจะคอนโด ทาวน์เฮ้าส์ บ้านเดี่ยว ประเด็นเรื่อง "ระยะห่างทางสังคม" อาจจะถูกเลือกเป็นอันดับต้นๆ แทนที่ "ทำเล" เพราะทุกคนต้องการความปลอดภัย ต้องการพื้นที่ส่วนตัวเพิ่มขึ้น และการที่สามารถทำงานได้จากที่บ้าน (Work from home) ไม่จำเป็นต้องเดินทางเข้ามาในเมืองอย่างเดียว ทุกคนจะต้องการลดการเดินทางลง
- ต้องการ “พื้นที่ใช้สอย”
คนยุคใหม่จะต้องการพื้นที่ใช้สอยมากขึ้น Prioritizing Space Over Convenience จากเดิมที่สามารถอาศัยในพื้นที่ที่มีขนาดเล็กได้ แต่ขณะนี้อาจจะไม่เพียงพอ แต่ผู้คนจะต้องการมีพื้นที่ที่สามารถทำอะไรได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น
ตัวอย่างโครงการที่น่าสนใจ ของ MQDC ก็คือโครงการ ‘มัลเบอร์รี่ โกรฟ สุขุมวิท (Mulberry Grove Sukhumvit)’ ซึ่งได้ออกแบบให้ตอบโจทย์การอยู่อาศัยของครอบครัวที่หลากหลายช่วงวัย เพื่อทุกเจเนอเรชั่น ซึ่งตรงกับงานวิจัยที่พบว่า คนเรามีความต้องการที่จะอยู่ร่วมกันกับครอบครัว
โดยยังมีบริการเสริมสร้างสุขภาวะที่ดี มีผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพที่คอยให้คำปรึกษาและความช่วยเหลือตลอด 24 ชม. มีพื้นที่ห้องครัวขนาดใหญ่รับไลฟ์สไตล์ที่นิยมทำอาหารในบ้านมากขึ้น
Mulberry Grove Sukhumvit
- ให้ความสำคัญกับโลกและสิ่งแวดล้อม
คนยุคนี้ต้องการพื้นที่สีเขียวมากขึ้น ต้องการสวน หรือการปรับเปลี่ยนบ้านพักตากอากาศ (vacation home) มาใช้อาศัยประจำแทนมากขึ้น
สำหรับ MQDC เองก็มีเมกะโปรเจคต์ที่น่าสนใจ สอดคล้องกับแนวคิดนี้ นั่นคือโครงการ ‘เดอะ ฟอเรสเทียส์ (THE FORESTIAS)’ เมืองคู่ป่า
The Forestias
ซึ่ง คุณวิสิษฐ์ มาลัยศิริรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทแมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) ได้ให้สัมภาษณ์ว่า ที่นี่เป็นโครงการแรกของโลก ที่สร้างป่าแท้ ๆ จำนวน 30 ไร่ และพื้นที่สีเขียวปกคลุมอีกมากกว่า 70% ในโครงการ
โดย ‘เดอะ ฟอเรสเทียส์ (THE FORESTIAS)’ ประกอบด้วย
- คอนโดวิสซ์ดอมสำหรับคนวัยทำงาน
- บ้านเดี่ยวกลุ่มแบบคลัสเตอร์ขนาดใหญ่ มัลเบอร์รี่ โกรฟ (Mulberry Grove)
- และคอนโด ดิ แอสเพน ทรี (The Aspen Tree)
นอกจากนั้นทาง MQDC ยังเน้นการมีพันธมิตรระดับโลก เพื่อมาร่วมพัฒนาโครงการหลายราย เช่น
- ซิกส์เซนส์ (Six Senses) แบรนด์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านที่พักระยะสั้นและระยะยาวในระดับโลก ที่จะมีทั้งที่อยู่อาศัยและโรงแรม
- F & P (Thailand) เป็นที่ปรึกษาและร่วมออกแบบโครงการ
- ITEC Entertainment มาออกแบบไลฟ์สไตล์ด้านสันทนาการและประสบการณ์เพื่อผู้อยู่อาศัย
- Atelier Ten มาร่วมวางแผนการป้องกันผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อความยั่งยืน รวมถึงการวิจัยร่วมกับผู้เชี่ยวชาญในด้านไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยในรูปแบบต่าง ๆ
- Huawei ที่จะร่วมพัฒนา Smart city จาก Digital platform เพื่อให้สอดคล้องกับงานวิจัยของศูนย์วิจัยอนาคตศึกษาที่ว่า เทคโนโลยีจะเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต
นอกจากนี้ MQDC ยังได้ตั้งมาตรฐาน "MQDC Standard" ในทุกโครงการ ตั้งแต่ การใช้วัสดุตกแต่ง และวัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของผู้อาศัย ใช้ไม้ปลูกเชิงพาณิชย์ที่ได้รับการรับรองจากองค์การจัดการด้านป่าไม้ (FSC) ไม่ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มาจากสัตว์
กำหนดให้ใช้สีที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาวะของผู้อาศัย มีการวิจัยคุณภาพอากาศ โดยติดตั้งเครื่องฟอกอากาศระดับเมืองในโครงการแมกโนเลียส์ ราชดำริ และ วิสซ์ดอม สุขุมวิท 101
ปัจจุบันโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ MQDC อยู่ระหว่างการพัฒนาแบบ ขาย ก่อสร้าง และอยู่ในช่วงการโอน มีทั้งหมด 24 โครงการ มูลค่ารวมมากกว่า 300,000 ล้านบาท โดยมีโครงการระดับซูเปอร์ลักซูรี ได้แก่
- แมกโนเลียส์ วอเตอร์ฟรอนท์ เรสซิเดนซ์ ณ ไอคอนสยามจำนวน 379 ยูนิต
- เดอะ เรสซิเดนซ์ แอท แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ จำนวน 146 ยูนิต
The Residences at Mandarin Oriental, Bangkok
นอกจากนี้ยังมีโครงการอื่น ๆ อาทิ
วิสซ์ดอม อเวนิว รัชดา-ลาดพร้าว, วิสซ์ดอม สเตชัน รัชดา-ท่าพระ, วิสซ์ดอม คอนเนค สุขุมวิท, วิสซ์ดอม เอสเซ้นส์ สุขุมวิท, วิสซ์ดอม อินสปาย สุขุมวิท
และมีโครงการที่ยังเดินหน้าก่อสร้างพร้อมเปิดขายแล้วจำนวน 3 โครงการ ได้แก่
เดอะ ฟอเรสเทียส์ , เดอะ สแตรนด์ , มัลเบอร์รี่ โกรฟ สุขุมวิท
รวมทั้ง มีโครงการที่อยู่ระหว่างการศึกษาเพิ่มอีก 3-5 โครงการ
ใครสนใจ สามารถเยี่ยมชมโครงการได้ที่นี่ครับ :
https://mqdc.com/th/our-business/theme-project/theforestias
และสำหรับนักลงทุน นอกจากจะสามารถลงทุนในอสังหาฯแต่ละโครงการดังกล่าวได้แล้ว
ในวันที่ 16-17,20-21 ก.ค.นี้ ทาง MQDC จะเปิดขาย “หุ้นกู้” ประเภทไม่ด้อยสิทธิ อายุ 2 ปี ผลตอบแทน 6.85% ต่อปี
โดยการออกหุ้นกู้ครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อขยายการลงทุนของโครงการต่าง ๆ ใน pipeline เพื่อรองรับ demand ในตลาดที่อยู่อาศัย และความสนใจร่วมลงทุนพัฒนาโครงการร่วมกับ MQDC จากต่างชาติ
ทั้งนี้ ผู้ลงทุนสามารถศึกษารายละเอียดได้จากแบบแสดงรายการข้อมูลและหนังสือชี้ชวนที่
https://market.sec.or.th/public/ipos/IPOSDE01.aspx?TransID=300814
ผู้ที่สนใจสามารถติดต่อผู้จัดการการขายหุ้นกู้
ได้ที่ บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) โทร 02-648-1111
หมายเหตุ : โปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน