ห้องเม่าปีกเหล็ก

ลงทุนอย่างไรในช่วงตลาดขาลง ?

โดย 8080
เผยแพร่ :
182 views

ลงทุนอย่างไรในช่วงตลาดขาลง ?

.

 

 

สำหรับภาวะตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้ ต้องยอมรับว่าอยู่ในช่วงแกว่งตัว Side Way Down มาอย่างต่อเนื่อง หลังหลายปัจจัยลบยังคงกดดัน ทั้งปัญหาเงินเฟ้อ และเทรนด์ดอกเบี้ยขาขึ้น เป็นต้น

.

ซึ่งหากอ้างอิงสถิติผลตอบแทนดัชนีหุ้นไทย (SET Index) ตั้งแต่ต้นปี (YTD) ก็ยังคงติดลบอยู่ราว 2.4% ขณะที่ผลตอบแทนหลักทรัพย์ในตลาดหุ้นไทย ส่วนมากมีรีเทิร์นเป็นลบถึง 554 หลักทรัพย์ จากทั้งหมด 818 หลักทรัพย์

.

ด้วยภาวะเช่นนี้ จึงทำให้การลงทุนในตลาดหุ้น ดูเป็นเรื่องยากมากขึ้นสำหรับใครหลายคน อย่างไรก็ตาม ก็ยังไม่ถือว่าเป็นช่วงแย่ไปเสียหมด เพราะหากเรามีการกำหนดกลยุทธ์ที่ดี ก็สามารถทำให้พอร์ตฯของเราเป็นบวกในช่วงนี้ได้เช่นกัน

.

แต่จะมีเคล็ดลับวางกลยุทธ์ลงทุน รับมือช่วงตลาดหุ้นขาลงเช่นนี้อย่างไร ตามแอดมาเลยนะ เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังอย่างละเอียดเลย !

.

โดยบทความชิ้นนี้ แอดจะขอหยิบข้อมูลของบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กรุงศรี มาแชร์ต่อให้ทุกคนฟังนะ ว่าในช่วงที่ตลาดหุ้นมีท่าทีทรงกับทรุดเพียงอย่างเดียว เราจะเอาตัวรอดจากสถานการณ์ดังกล่าวอย่างไร ?

.

ซึ่ง บล.กรุงศรี ให้ข้อมูลว่า กลยุทธ์การลงทุน เพื่อรับมือกับภาวะตลาดหุ้นขาลง นักลงทุนอย่างพวกเราควรนำเคล็ดลับ 6 ข้อดังต่อไปนี้ ไปปรับใช้ให้ได้มากที่สุด

.

 

1.กลับมาวิเคราะห์การลงทุนของตัวเอง : สิ่งแรกที่เราควรทำคือตั้งสติให้ดี และค่อยๆ คิดวิเคราะห์เพื่อหาทางแก้ไข ด้วยวิธีการกลับมาศึกษาข้อมูล ทำความเข้าใจหุ้น แต่ละตัวที่ตัวเองได้ถือไว้ ตั้งแต่ข้อมูลพื้นฐานในแต่ละกิจการเป็นอย่างไรบ้าง .

ผลประกอบการของหุ้นที่ลงทุนไปมีอัตราเติบโตหรือไม่ ทั้งในส่วนเงินผลกำไรและเงินสดจากกิจการทั้งในระยะสั้นและในระยะยาว ถ้าเราเรียนรู้ ก็จะมีความเข้าใจในทิศทางของตลาดและการเปลี่ยนแปลงมากยิ่งขึ้น

.

หรือถ้าเราลงทุนกับหุ้นในกลุ่มกิจการประเภทเดียวกันเพียงอย่างเดียว ก็อาจต้องพิจารณา เพราะถ้าหุ้นกลุ่มนั้นล้ม ทั้งพอร์ตเราก็จะล้มตามทั้งแผง ในภาวะที่ตลาดผันผวน การวิเคราะห์พื้นฐานหุ้นแต่ละตัวจึงเป็นสิ่งสำคัญที่เราต้องใส่ใจในรายละเอียดให้มากกว่าเดิม

.

 

2.ติดตามข่าวเศรษฐกิจอย่างสม่ำเสมอ : การติดตามข่าวมีความจำเป็นโดยปัจจุบัน บางสถานการณ์ที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องหุ้นหรือเศรษฐกิจโดยตรง ก็อาจสร้างผลกระทบได้ เช่น เรื่องการเมืองภายในประเทศ

.

แม้กระทั่งเรื่องดราม่าเล็กๆน้อยๆจากผลิตภัณฑ์ใดผลิตภัณฑ์หนึ่งที่อยู่ในตลาดหุ้น แล้วกลายเป็นข้อถกเถียงในสังคม ในวันถัดมาราคาหุ้นก็อาจจะดิ่งปรับตัวลงก็ได้

.

การลงทุนจึงไม่ใช่แค่วิเคราะห์กราฟหรือข้อมูลพื้นฐานในการลงทุนอย่างเดียว แต่ตองมีมิติที่มีความเชื่อมโยงซึ่งกันและกัน หากเราติดตามและพยายามทำความเข้าใจบริบทสังคมและเศรษฐกิจตามไปด้วย ก็เป็นการช่วยเสริมให้เข้าใจเหตุผลที่หุ้นนั้นๆ มีการเปลี่ยนแปลง

.

 

3.กระจายทรัพย์สินในการลงทุนให้มากกว่าเดิม : ยามที่ตลาดหุ้นเกิดการผันผวน ยากที่จะคาดเดาทิศทางได้ เราควรบริหารเงินลงทุนอย่างระมัดระวัง อาจต้องเลือกลงทุนในรูปแบบที่ความเสี่ยงต่ำและมีเสถียรภาพมั่นคง

.

เช่นกองทุนรวม, พันธบัตรรัฐบาล และตราสารหนี้ เพราะการลงทุนเหล่านี้มีความเสี่ยงต่ำ และเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่ล้มได้ยาก ซึ่งต่างกับหุ้นทั่วไปที่มีความผันผวนสูงตามกลไกของตลาด

.

แต่ก็มีข้อควรระวังสำหรับกองทุนรวม เนื่องจากกองทุนรวมมีหลากหลายประเภท ดังนั้นเราควรเลือกรูปแบบกองทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ ให้หลีกเลี่ยงกองทุนที่มีการลงทุนกับอสังหาริมทรัพย์ หรือทองคำ เพราะมีความผันผวนสูง

.

 

4.ลงทุนแบบ DCA (Dollar-Cost Averaging) : การตัดสินใจซื้อหุ้นครั้งเดียวในจำนวนมาก อาจเป็นวิธีการที่ไม่ตอบโจทย์กับสภาวะตลาดผันผวน เพราะเราอาจมีโอกาสสูงที่จะสูญเสียเงินมหาศาล

.

ดังนั้น การเลือกลงทุนแบบ "DCA" (ถัวเฉลี่ยต้นทุน) โดยกำหนดการลงทุนเป็นงวด งวดละเท่า ๆ กัน เป็นรายเดือนหรือรายไตรมาส ซึ่งมีโอกาสขาดทุนจากการลงทุนได้น้อยกว่า เป็นการลงทุนแบบอัตโนมัติที่ตัดเรื่องอารมณ์และความรู้สึกออกไป ทำให้เราไม่ต้องเกร็งกับการขึ้นลงของราคาหุ้น แถมยังช่วยให้เรามีวินัยในการลงทุนมากขึ้นอีกด้วย

.

 

5.ลงทุนกับกองทุนหุ้นในกลุ่ม SET50 : SET50 เป็นกลุ่มหุ้นที่มีความแข็งแรงอันดับต้นๆ และเป็นหุ้นที่กิจการมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องและมั่นคง ไม่ว่าเศรษฐกิจจะผันผวนหรืออ่อนไหวขนาดไหน หุ้นในกลุ่มนี้จะไม่ใช่หุ้นที่ล้มก่อน

.

ทำให้หุ้นในกลุ่มนี้ยังคงเป็นหุ้นที่น่าลงทุนต่อไป การเลือกลงทุนไปกับกองทุนที่อยู่ในกลุ่ม SET50 จึงเป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยกว่า อย่าเพิ่งคล้อยตามไปกับกระแสที่มาในแต่ละช่วง ว่าหุ้นตัวนี้มาต้องรีบซื้อรีบโกย ตัวไหนลงก็ขายทิ้งทันที โดยที่เรายังไม่รู้ศักยภาพของกิจการนั้นๆ อาจทำให้เราแบกรับความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นต่อไปไม่ไหว สิ่งนี้เป็นภาวะที่อันตราย

.

 

6.ปรับพอร์ตให้เข้ากับสถานการณ์เศรษฐกิจ : การปรับพอร์ตให้เข้ากับสถานการณ์ก็เป็นสิ่งจำเป็นไม่แพ้กัน ท่ามกลางความผันผวน หุ้นก็มักจะมาจากเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจหรือเทรนด์แนวโน้มธุรกิจอยู่เสมอ

.

เช่น ในปี 2563 ที่คาดว่าอัตราการนำเข้า รถยนต์พลังงานไฟฟ้า (Electric Vehicle) เพิ่มมากขึ้น ทำให้หุ้นในกลุ่มพลังงานมีแนวโน้มเติบโตมากขึ้น เราก็ควรพิจารณาหุ้นในกลุ่มนี้ไว้บ้างเพื่อสร้างผลกำไรให้กับพอร์ตของตัวเอง

.

ในทางตรงกันข้าม หุ้นแบบที่ไปต่อไม่ได้จริงๆ เราก็ต้อง Cut Loss ไม่ให้ขาดทุนมากเกินไป หากเรากำลังลงทุนระยะสั้น การ Cut Loss สามารถทำได้เลยเพื่อเปลี่ยนไปลงทุนหรือซื้อหุ้นตัวอื่นแทน แต่หากเป็นการลงทุนระยะยาว อาจจะต้องใจเย็นและคอยติดตามความผันผวนให้ดีก่อนตัดสินใจ Cut Loss

.

อย่างไรก็ตาม แม้หลายครั้งตลาดหุ้นไม่เป็นดั่งใจ นั่นก็ถือเป็นเรื่องปกติที่เราต้องทำความเข้าใจและยอมรับในการขึ้น-ลงของราคาหุ้นตามสภาวะรอบข้างที่เปลี่ยนแปลง การกังวลจนเกินไป หรือการรีบขายหุ้นทิ้งจึงอาจทำให้เราเสียโอกาส ดังนั้น การวางแผนให้ดีและรอบคอบจึงเป็นเรื่องที่เราต้องใส่ใจ

.

by บ.บูม

 

 


8080