‘เอกชน’ กระทุ้ง กนง.ลดดอกเบี้ย หวังปีนี้หั่นขั้นต่ำ 1 ครั้งกระตุ้นเศรษฐกิจ
- ครม.ส่งความเห็นไปธปท. 2 เรื่อง คือ 1.การดำเนินนโยบายการเงิน ควรคำนึงกรอบเงินเฟ้อเป้าหมาย 1-3% และ 2.ให้มีทิศทางสอดคล้องนโยบายการคลังเพื่อร่วมกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
- รัฐบาลคาดหวังให้ลดดอกเบี้ยนโยบาย โดยพิจารณาแบบค่อยเป็นค่อยไปจากหลายปัจจัยว่าจะส่งผลต่อเงินเฟ้อ อัตราแลกเปลี่ยน และการเติบโตของเศรษฐกิจ
- การปรับลดดอกเบี้ย 0.25% ที่ผ่านมา ช่วยให้เกิดการไหลเวียนของเม็ดเงินในเศรษฐกิจมากขึ้นมีผลต่อเงินเฟ้อและอัตราแลกเปลี่ยน สร้างผลบวกให้เศรษฐกิจได้มาก
- เอกชนมองว่า หากกนง.ลดดอกเบี้ยจะดีเพราะเศรษฐกิจไม่ดีแล้ว จะช่วยให้ต้นทุนของประชาชนลดได้ระดับหนึ่ง แม้ลดแค่ 0.25% ก็ยังดี ช่วยให้ต้นทุนภาคธุรกิจดีขึ้น

การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันที่ 26 ก.พ.2568 ถูกจับตาอย่างมาท่ามกลางเสียงเรียกร้องให้มีการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ จากปัจจุบันอัตราอยู่ที่ 2.25% โดยรัฐบาลมองว่านโยบายการเงินควรมีบทบาทในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ในขณะที่ภาคเอกชนมองว่าการลดอัตราดอกเบี้ยจะช่วยลดต้นทุนทางการเงิน
นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 25 ก.พ.2568 ให้ความเห็นที่จะส่งไปที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) 2 เรื่อง ได้แก่ 1.การดำเนินนโยบายการเงิน ควรคำนึงกรอบเงินเฟ้อเป้าหมาย 1-3% และ 2.ให้มีทิศทางสอดคล้องนโยบายการคลังเพื่อร่วมกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
“รัฐบาลคาดหวังให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ส่วนต้องลดเท่าไหร่ควรพิจารณาค่อยเป็นค่อยไปจากหลายปัจจัยว่าจะส่งผลต่อเงินเฟ้อ อัตราแลกเปลี่ยน และการเติบโตของเศรษฐกิจอย่างไร”
นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า การปรับลดดอกเบี้ย 0.25% ที่ผ่านมา ช่วยให้เกิดการไหลเวียนของเม็ดเงินในเศรษฐกิจมากขึ้น รวมทั้งมีผลต่อเงินเฟ้อและอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งการปรับลดอัตราดอกเบี้ยสร้างผลบวกให้เศรษฐกิจได้มาก
ส่วนประเด็นที่สำนักงานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) มีความเห็นให้คงอัตราดอกเบี้ยเพื่อรักษากระสุนการเงินไว้ นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า ช่องว่างนโยบายการเงินยังมีเหลือ หากลดดอกเบี้ยช้าเกินไปจะไม่ทันกาล
“ครม.ส่งความเห็นถึง ธปท.เป็นครั้งที่ 2 เพราะเงินเฟ้อไม่มีทีท่าขยับเข้าสู่กรอบและอยู่ระดับต่ำกว่ากรอบมากเกินไป”
น.ส.จรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า หวังว่าการประชุม กนง.ครั้งนี้จะลดดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งหากลดได้จะดีเพราะเศรษฐกิจไม่ดีแล้ว จะช่วยให้ต้นทุนของประชาชนลดระดับหนึ่ง แม้ลดแค่ 0.25% ก็ยังดี ช่วยให้ต้นทุนภาคธุรกิจดีขึ้น
"ปัญหาหลักอยู่ที่สถาบันการเงินไม่ปล่อยกู้ เมื่อแบงก์ไม่ปล่อยเงินกู้โดยเฉพาะ SME ผู้ประกอบการก็แย่ รายย่อยจะเหนื่อย จึงมองว่าจะทำอย่างไรให้มั่นใจและให้แบงก์ปล่อยกู้”
ม.ล.ณัฐสิทธิ์ ดิศกุล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BAFS กล่าวว่า ภาคเอกชนวันนี้จะเห็นสัญญาณไม่ดีของเศรษฐกิจไทย ซึ่งสนับสนุนให้ ธปท.พิจารณานโยบายความจำเป็นกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านนโยบายทางการเงินเพิ่มขึ้น
สำหรับต้นทุนดอกเบี้ยสำคัญต่อภาคธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานที่ลงทุนสูงมีต้นทุนการเงินสูง เช่น โครงการขนส่งทางท่อน้ำมัน ซึ่งอย่าอิงคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) เพราะเศรษฐกิจสหรัฐปีที่แล้วดีมากแทบจะแข็งแกร่งสุดในโลก
ดังนั้น สหรัฐไม่เหมือนไทย คือ การรักษาเสถียรภาพเงินดอลลาร์ การบริหารจัดการอัตราดอกเบี้ยสหรัฐจึงจำเป็น ส่วนไทยหากไม่ทำอะไรเลยธุรกิจจะเหนื่อยถือเป็นคนละโจทย์ และหวังว่าการประชุม กนง.จะมีข่าวดี”
หวั่นปิดโรงงานอีกหากไม่ลดดอกเบี้ย
นายอภิชิต ประสพรัตน์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ภาคเอกชนหวังว่า กนง.จะลดดอกเบี้ยเพื่อยืดอายุให้เอสเอ็มอีที่ปัญหาใหญ่ถูกสินค้าจีนทุ่มตลาด แต่หากไม่ลดดอกเบี้ยจะทำให้โรงงานเสี่ยงปิดตัว เพราะโดยทั้งผลกระทบจากสินค้าจีนทุ่มตลาดและนโยบายกำแพงภาษีกับประเทศที่ได้ดุลการค้าสหรัฐ
อย่างไรก็ตาม หากลดเพียงแค่ 0.25% ก็ยังดีแม้จะไม่มากลดก็ดีกว่าไม่ลด จริงๆ ผู้ประกอบการพยายามลดต้นทุนอยู่แล้ว วันนี้กระแสลดโลกร้อนต้องไปปรับเปลี่ยนเพิ่มนวัตกรรมกระบวนการผลิตสินค้า เขาต้องลงทุนเพิ่ม ซึ่งเรื่องลดโลกร้อนมองไปเป็นโอกาส แต่เบื้องต้นตอนนี้อาจจะเป็นภาระ ผู้ประกอบการเมื่อลูกค้าอยากได้อะไร ผู้ผลิตก็ยินดีทำให้ เขาแม้ตอนนี้ลมหายใจรวยรินก็ต้องทำ
แนะตั้งหน่วยงานตรวจสอบ กนง.
นายแสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย กล่าวว่า การประชุม กนง.ครั้งนี้ หากไม่ลดดอกเบี้ยและอ้างผลกระทบเงินเฟ้อ ส่วนตัวมองว่าเงินเฟ้อไม่มีปัญหาเลยตอนนี้
อีกคำถามที่สำคัญคือวันนี้แบงก์ชาติมีหน่วยงานหรือกลไกอะไรตรวจสอบ กนง. หรือไม่ว่ามติคงอัตราดอกเบี้ยมีความเป็นธรรมและเหมาะสมหรือไม่ พอเวลาเฟดขึ้นดอกเบี้ยก็ขึ้นตาม พอเฟดลดก็ลดไม่เท่า ทุกคนเห็นภาพชัดเจน แล้วใครเป็นคนตรวจสอบและกำกับ
“จึงอยากถามว่าแบงก์ชาติคงอัตราดอกเบี้ยเพื่อใคร และคำนึงถึงผลประโยชน์ของใครเป็นสำคัญ”
ดอกเบี้ยควรลด 1 ครั้งปีนี้ หนุนเศรษฐกิจ
นายกฤษณ์ จันทโนทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า การประชุม กนง.ครั้งนี้คาดเดาไม่ได้ และคงแล้วแต่การพิจารณาของ กนง.แต่ถ้าไม่ลดครั้งนี้มองว่าปีนี้ควรลดดอดเบี้ยขั้นต่ำ 1 ครั้ง เพราะมีโอกาสและจังหวะทำได้เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ มองว่ามาตรการทางการเงินและการคลังสอดรับกันอย่างดี และมีความสำคัญ มีความจำเป็นที่ต้องมีการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อดึงความเชื่อมั่นเศรษฐกิจไทยกลับมาได้"
นายสุนทร สถาพร นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวว่า จากสถานการณ์เศรษฐกิจและตลาดอสังหาริมทรัพย์ในไตรมาสแรกที่ผ่านมายังไม่ดีขึ้น หวังว่าภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะพิจารณาออกมาตรการกระตุ้นต่อเนื่อง
“จะใช้กำลังซื้อจากประชาชนเพียงอย่างเดียวค่อนข้างลำบาก เพราะประชาชนที่อยู่ในกลุ่ม เค (K) ขาล่าง ยังคงประสบความยากลำบากอยู่ ขณะที่กลุ่มเคขาบนที่พอจะมีกำลังซื้อ จะกลายเป็นกำลังซื้อหลักในปีนี้ แต่ก็ต้องอาศัยมาตรการออกมาช่วย อาทิ มาตรการลดค่าจดจำนองและธรรมเนียมโอน การลดภาษีที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้าง 50% การยกเลิกมาตรการควบคุมสินเชื่อ หรือ แอลทีวี”
ทั้งนี้ มาตรการแอลทีวี มีส่วนการสร้างความเชื่อมั่น (sentiment) ให้กับผู้ซื้อที่อยู่อาศัยกลุ่มเคขาบนกลับเข้ามา จากปีที่ผ่านมาอัตราการปฎิเสธสินเชื่อสูงถึง 40% ทุกระดับราคา และมาตรการดอกเบี้ยเป็นมาตรการสำคัญ โดย ธปท.ต้องเป็นต้นทางลดดอกเบี้ยนโยบายเพื่อให้ดอกเบี้ยในตลาดต่ำลง เพราะพิสูจน์แล้วว่าลดภาระของผู้ซื้อและผู้ลงทุน รวมถึงกระตุ้นเศรษฐกิจและตลาดอสังหาริมทรัพย์ได้ทันที
ต้องการมาตรการช่วยกระตุ้นกำลังซื้อ
นางสาวเกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สถานการณ์เศรษฐกิจ กำลังซื้อทำให้ปัจจุบันภาคอสังหาริมทรัพย์ต้องการมาตรการกระตุ้นทุกรูปแบบจากภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็นมาตรการแอลทีวี หรือ การลดดอกเบี้ย
“กรณีมาตรการลดดอกเบี้ยต้องรอเวลาให้ MLR ลด คำถามคือธนาคารจะลดเงื่อนไขการปล่อยสินเชื่อง่ายขึ้นหรือไม่ แต่การลดดอกเบี้ยทำให้ต้นทุนการผ่อนต่ำลง แต่ถ้าธนาคารยังประเมินเหมือนเดิมคงไม่ทำให้ลูกค้าที่สนใจซื้อที่อยู่อาศัยเข้าถึงสินเชื่อได้ แต่ข้อดีคือต้นทุนของผู้ประกอบการอาจลดลงบ้าง มาตรการดอกเบี้ยช้าแต่ดีกว่าไม่มี ส่วนการปลดล็อกแอลทีวีช่วยผู้ซื้อบ้านหลัง 2 หลังที่ 3”
นายภูมิภักดิ์ จุลมณีโชติ ประธานผู้บริหารสายงานกลยุทธ์ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า อยากเห็นทันทีให้ ธปท.ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก เพื่อช่วยลดภาระต้นทุนภาคเอกชนและประชาชน
ที่มา.. https://www.bangkokbiznews.com/business/economic/1168395