ห้องเม่าปีกเหล็ก

กลุ่ม “ไฟแนนซ์” ปี 67 มีสัญญาณบวกมากขึ้น

โดย Q&K
เผยแพร่ :
183 views

กลุ่ม “ไฟแนนซ์”

ปี 67 มีสัญญาณบวกมากขึ้น

.

คอลัมน์ “โพยหุ้น” ประจำวันจันทร์ ในครั้งนี้ ได้หยิบยกหุ้นกลุ่ม “ไฟแนนซ์” มาฝากนักลงทุน หลังนักวิเคราะห์ออกมาประเมินว่า ธุรกิจไฟแนนซ์ในปี 2567 เริ่มมีสัญญาณเชิงบวกเข้ามามากขึ้น หนุนจากความต้องการสินเชื่อที่ยังแข็งแกร่ง Bond Yield สหรัฐฯ และไทยผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว และคาดความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้จะเริ่มดีขึ้น

.

หากถอดมุมมองนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ประเมินปี 2566 เป็นปีที่ยากลำบากสำหรับนักลงทุนในหุ้นกลุ่มไฟแนนซ์ ภาพรวมของ SETFIN ปรับลง 28% นับจากต้นปีถึงปัจจุบัน เทียบกับ SETINDEX ที่ลดลง 15.1% หลังกดดันจากผลดำเนินงานที่ปรับตัวลงตั้งแต่ไตรมาส 2/66 ตามภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวได้ช้าและยังไม่ทั่วถึง (Uneven Economic Recovery) บวกกับปัจจัยลบจาก Bond Yield ของสหรัฐฯ และไทยที่เร่งตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว

.

สอดรับกับแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายที่ขยับขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีผลโดยตรงต่อการระดมทุนผ่านหุ้นกู้ เพื่อใช้ในการปล่อยสินเชื่อของธุรกิจไฟแนนซ์ นอกจากนี้ลูกหนี้ที่เคยได้เข้ามาขอปรับโครงสร้างหนี้บางส่วนเริ่มครบกำหนดผ่อนปรน และต้องกลับมาจ่ายค่างวดในอัตราสูงขึ้น ทำให้ตกชั้นกลายเป็น NPL และเป็นสาเหตุที่ทำให้การตั้งสำรองของหลายบริษัทเร่งตัวขึ้น

.

แต่มองว่าธุรกิจไฟแนนซ์ในปี 2567 เริ่มมีสัญญาณเชิงบวกเข้ามามากขึ้น หนุนจาก 1.ความต้องการสินเชื่อที่ยังแข็งแกร่ง และมีแนวโน้มขยายตัวได้ต่อเนื่อง หลังธนาคารพาณิชย์เพิ่มความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ ทำให้ลูกค้ากลุ่ม Unbanked มีแนวโน้มเข้ามาใช้บริการสินเชื่อจากบริษัทไฟแนนซ์มากขึ้น

.

รวมถึงการเปลี่ยนผ่านจากลูกหนี้นอกระบบ เข้าสู่บริการทางการเงินในระบบที่เร็วขึ้น หลังภาครัฐฯ ให้ความสำคัญกับการควบคุมการปล่อยหนี้นอกระบบ

.

2.Bond Yield สหรัฐฯ และไทยผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว ทำให้แนวโน้มการปรับตัวขึ้นของต้นทุนทางการเงินเริ่มจำกัด ขณะที่ผู้ประกอบการบางส่วนเริ่มทยอยปรับขึ้นดอกเบี้ย เพื่อส่งผ่านต้นทุนให้กับลูกหนี้มากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มสินเชื่อจำนำทะเบียนหลังธนาคารออมสินถอนตัวจากตลาด และการแข่งขันจากผู้ประกอบการรายเล็กเริ่มลดลง

.

และ 3.คาดความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้จะเริ่มดีขึ้น หนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากของรัฐบาลที่จะทยอยออก มาตรการทั้ง Easy E-Receipt, Digital Wallet และการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ

.

โดยคงคำแนะนำหุ้นไฟแนนซ์ที่ “Neutral” แม้เห็นปัจจัยบวกเข้ามามากขึ้น หนุนจากการเร่งขยายสินเชื่อในช่วงที่ธนาคารพาณิชย์เพิ่มความระมัดระวัง บวกกับแรงกดดันจาก Bond Yield คาดผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว ทำให้ความกังวลต่อ NIM เริ่มผ่อนคลายลง

.

ขณะที่ในแง่ Valuation ราคาหุ้นในกลุ่มหลายตัวยังซื้อขายด้วย Valuation ที่ไม่แพง สะท้อนว่าราคาหุ้นตอบรับปัจจัยลบไปมาก และมีช่องว่างที่จะฟื้นตัวขึ้นสอดรับไปกับผลดำเนินงานปี 2567 ที่ยังเติบโต

.

แต่ยังกังวลต่อคุณภาพสินทรัพย์ของธุรกิจสินเชื่อเพื่อการบริโภค หลังลูกหนี้จะต้องมีอัตราการชำระขั้นต่ำเพิ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นไป กับผลกระทบเชิงลบจากมาตรการ Responsible Lending ของ ธปท.

.

ดังนั้น ชอบหุ้นสินเชื่อที่เน้นธุรกิจจำนำทะเบียนอย่าง SAWAD เนื่องจากได้รับผลกระทบจากมาตรการแก้หนี้ครัวเรือนของ ธปท. ที่จะมีผลในปี 2567 ค่อนข้างน้อย และแนวโน้มกำไรมีโอกาสทำระดับสูงสุดใหม่ในปี 2567 หลังกลับมาเน้นขยายสินเชื่อจำนำทะเบียนทั้งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ที่มีความเสี่ยงต่ำ

.

ส่วนธุรกิจเช่าซื้อของ SCAP บริษัทได้ปรับกลยุทธ์มาเน้นคุณภาพของลูกหนี้ที่สูงขึ้น โดยลด LTV จากเดิมที่ 90-100% เหลือ 70-90% เพื่อลดความเสี่ยงจากการขายรถยึดที่ทำให้เกิดผลขาดทุนเพิ่มเข้ามา ทำให้คาดการตั้งสำรองและผลขาดทุนจากการขายรถยึดของ SAWAD จะเริ่มผ่อนคลายลง ส่วนราคาหุ้นปัจจุบันมี Upside 51.4% จากมูลค่าพื้นฐานปี 2567 ที่ 68.50 บาท แนะนำ BUY

.

ส่วนคำแนะนำของหุ้นตัวอื่นๆ อาทิ AEONTS แนะนำ TRADING ราคาเป้าหมาย 185 บาท, AMANAH แนะนำ SELL ราคาเป้าหมาย 2.10 บาท, BAM แนะนำ TRADING ราคาเป้าหมาย 10.20 บาท, CHAYO แนะนำ BUY ราคาเป้าหมาย 7.50 บาท, KTC แนะนำ BUY ราคาเป้าหมาย 55.50 บาท, และ MTC แนะนำ BUY ราคาเป้าหมาย 48 บาท

.

ขณะที่อีกหนึ่งหุ้นในกลุ่มที่ต้องพูดถึง คือ TIDLOR โดยนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) คงคำแนะนำ BUY และคงราคาเป้าหมาย 30 บาท เพราะผลประกอบการครึ่งหลังปี 66-ปี 2567 คาดฟื้นตัวเมื่อเทียบกับปีก่อน รวมทั้งมีการบริหารคุณภาพสินทรัพย์ได้ดี ทั้งการควบคุมเรื่องหนี้เสีย และความเพียงพอในการตั้งสำรองหนี้เสีย

 

 


Q&K