IQ ไม่ได้มากับสายเลือดเท่านั้น แต่มากับโอกาสที่สังคมมอบให้
หลายคนยังเข้าใจว่า IQ เป็นสิ่งที่ติดตัวมาแต่กำเนิดเท่านั้น แต่จากงานวิจัยด้านพัฒนาการสมองและเศรษฐศาสตร์พฤติกรรม พบว่าความฉลาดโดยเฉพาะในวัยเด็กสามารถสร้างได้ผ่านสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ เช่น การเลี้ยงดูที่กระตุ้นสมอง โภชนาการที่ดี และระบบการศึกษาที่เปิดโอกาสให้เด็กได้พัฒนา “การคิด” ไม่ใช่แค่ “การจำ”

แล้วทำไมค่าเฉลี่ย IQ ของแต่ละประเทศถึงต่างกัน
งานวิจัยระดับโลกชี้ว่า ระดับ IQ ของประชากรในแต่ละประเทศมีความสัมพันธ์กับศักยภาพในการพัฒนาเศรษฐกิจและระดับการศึกษาอย่างใกล้ชิด ปัจจัยสำคัญที่มีอิทธิพลต่อ IQ ได้แก่
• ประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจและการศึกษาที่เข้มแข็ง มักมี IQ เฉลี่ยสูง
• โภชนาการที่ดีตั้งแต่เด็ก ส่งผลต่อการเชื่อมต่อของสมองอย่างมีประสิทธิภาพ
• ประเทศที่เผชิญโรคติดเชื้อรุนแรงหรือมีระบบสาธารณสุขอ่อนแอ อาจมีพัฒนาการสมองที่ชะงัก
• การเล่นเกมฝึกสมอง เช่น หมากรุก หรือการพูดสองภาษา ช่วยกระตุ้นสมองส่วนหน้า
• สภาพแวดล้อมที่มีโรงเรียนดี โรงพยาบาลดี และกิจกรรมเสริมทักษะ มีส่วนทำให้ประชากรมี IQ สูงขึ้น
IQ กับ HDI: ความฉลาดสะท้อนการพัฒนา
ระดับ IQ ของประชากรในแต่ละประเทศมีความสัมพันธ์กับดัชนีการพัฒนามนุษย์ (Human Development Index: HDI) ซึ่งประกอบด้วย 3 องค์ประกอบหลัก ได้แก่ อายุขัยเฉลี่ย ระดับการศึกษา และรายได้เฉลี่ยต่อหัว ประเทศที่มี IQ สูงมักจะมีระดับ HDI อยู่ในกลุ่ม High หรือ Very High
ประเทศที่มี IQ เฉลี่ยสูงสุด 5 อันดับแรก (ข้อมูล ณ 1 ม.ค. 2025)
จีน – IQ 107.19 | HDI 0.788
เกาหลีใต้ – IQ 106.43 | HDI 0.929
ญี่ปุ่น – IQ 106.40 | HDI 0.920
อิหร่าน – IQ 106.30 | HDI 0.780
สิงคโปร์ – IQ 105.14 | HDI 0.949
ไทยอยู่ที่อันดับ 15 ด้วยค่าเฉลี่ย IQ 101.52 และ HDI 0.803 ซึ่งอยู่ในกลุ่ม Very High
IQ ไม่ได้คงที่ตลอดชีวิต
หนึ่งในความเข้าใจผิดคือ “ใครฉลาดก็จะฉลาดตลอดไป” แต่ในความเป็นจริง IQ สามารถลดลงได้หากไม่ได้รับการกระตุ้นสมองอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในวัยรุ่นตอนปลาย หากระบบการศึกษาไม่ยืดหยุ่นและท้าทายพอ เด็กอาจ “แบน” ลงทางสติปัญญาแม้จะเคยมีศักยภาพสูง แต่ข่าวดีคือ สมองสามารถ “ฟื้นตัว” ได้ หากกลับมาเรียนรู้ในสิ่งที่ท้าทายและมีความหมาย พื้นที่สมองที่ไม่ได้ใช้สามารถกลับมาคึกคักได้อีกครั้ง ถ้าระบบการเรียนรู้พร้อมสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง
IQ ของประชากร = ดัชนีชี้วัดการพัฒนา
งานศึกษาในระดับมหภาค เช่น โครงการ Human Capital Project ของธนาคารโลก และการวิเคราะห์ของ James Flynn พบว่า IQ เฉลี่ยของประเทศมีความสัมพันธ์กับรายได้ต่อหัว การเติบโตทางเศรษฐกิจ และคุณภาพชีวิตของประชาชน สังคมที่ลงทุนในการพัฒนาทุนมนุษย์ตั้งแต่วัยเยาว์ จะมีประชากรที่มีศักยภาพในการปรับตัวและสร้างนวัตกรรมได้ดีกว่า
จาก IQ สู่ EF: ยุคใหม่ของความฉลาด
แม้ IQ จะวัดศักยภาพเชิงตรรกะและการแก้ปัญหาได้ดี แต่ในโลกปัจจุบัน ทักษะ EF หรือ Executive Function กลายเป็นหัวใจของความฉลาดยุคใหม่ EF คือทักษะของสมองส่วนหน้า เช่น การควบคุมอารมณ์ การวางแผน และความยืดหยุ่นทางความคิด ซึ่งเป็นรากฐานของการเรียนรู้ตลอดชีวิต EF พัฒนาได้ตั้งแต่วัยเด็ก โดยเฉพาะผ่านกิจกรรมที่ให้เด็กได้ลองผิดลองถูกในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย
นโยบายสาธารณะต้องเริ่มที่สมองเด็ก
หากประเทศไทยต้องการเติบโตอย่างยั่งยืน การลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงที่สุดคือการลงทุนในช่วง 0–6 ปีแรกของชีวิต เพราะช่วงเวลาดังกล่าวคือหน้าต่างทองของการสร้างทุนมนุษย์ ทั้งในมิติของสติปัญญา อารมณ์ สังคม และวัฒนธรรม
สรุปส่งท้าย: ความฉลาดไม่ใช่โชคชะตา แต่คือการออกแบบ
IQ ไม่ได้สะท้อนแค่ความสามารถของบุคคล แต่คือผลรวมของระบบการเลี้ยงดู การศึกษา และโครงสร้างสาธารณสุขทั้งประเทศ หากเราสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมตั้งแต่วันนี้ เราจะไม่เพียงได้คนที่ฉลาดขึ้น แต่ยังได้ประเทศที่ฉลาดขึ้นด้วย
.
เรื่องและภาพ: กุสุมา ธะนะวงศ์ Economist, Bnomics
════════════════
ขอบคุณที่มาเนื้อหาจาก.. Bnomics by Bangkok Bank