ห้องเม่าปีกเหล็ก

EA-NEX กำลังจะโดดเด่น

โดย ปั่นปลูกปลูกปั่น
เผยแพร่ :
398 views

EA-NEX กำลังจะโดดเด่น

เมื่อยานยนต์ไฟฟ้าเร่งเครื่องเต็มกำลัง

 

.

อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า หรือ EV ในประเทศไทย กำลังจะเติบโตอย่างมาก ล่าสุดภาครัฐมีมาตรการสนับสนุนในด้านต่างๆ ที่ทยอยประกาศออกมาแล้วในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งแน่นอนว่าปัจจัยดังกล่าว ย่อมเป็นผลดีต่อผู้เล่นในอุตสาหกรรมนี้อย่างเห็นได้ชัด หนึ่งในนั้นต้องมีชื่อ EA และ NEX ดังนั้น Wealthy Thai จะพานักลงทุนมาสำรวจพื้นฐานของทั้ง 2 บริษัทว่าจะมีความน่าสนใจหรือไม่

.

มาเริ่มกันที่ EA นักวิเคราะห์บล.ธนชาต จำกัด (มหาชน) มีความเห็นว่า EA เป็นตัวเลือกการลงทุนธุรกิจ EV โดยตรงเพียงตัวเดียวในตลาดหุ้นไทย โดยในปี 66 คาดกำไรเติบโตเร่งตัวเป็น 9,181 ล้านบาท โต 57% จากปี 65 ที่คาด 5,843 ล้านบาท และมองราคาหุ้นที่อ่อนตัวเป็นโอกาสเข้า “ซื้อ” ปัจจัยหนุนระยะสั้นมาจากนโยบายสนับสนุนการผลิต EV และกำไรที่เติบโตก้าวกระโดดในไตรมาส 4/65

.

ทั้งนี้มองว่าการอ่อนตัวของราคาหุ้น EA เป็นโอกาสในการ “ซื้อ” คงราคาเป้าหมาย (ปีฐาน 66) ไว้ที่ 100 บาท จาก 1. เห็นความต้องการซื้อ EV ที่เร่งตัวขึ้น ซึ่ง EA เป็นบริษัทที่ทำธุรกิจ EV โดยตรงที่สุดในตลาดหุ้นไทย 2.คาดการเติบโตของกำไรเร่งตัวขึ้นเป็น 57% และ17% ในปี 66-67 (จากเติบโตเฉลี่ย 11% ในช่วงปี 63-65) จากยอดขายรถไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (CEV) และแบตเตอรี่ EV ที่เพิ่มขึ้น

.

3.เห็นทิศทางที่เป็นบวกชัดเจนของนโยบายรัฐฯในการส่งเสริมอุตสาหกรรม EV ในไทย และนโยบายล่าสุดที่เกี่ยวกับการผลิตแบตเตอรี่ EV เป็นประโยชน์ต่อ EA อย่างมาก และ 4.ฝ่ายวิจัยมีความมั่นใจมากขึ้นต่อแผนขยายกำลังการผลิตโรงงานแบตเตอรี่เป็น 2,4 และ 8GWh ในปี 66-68 (จาก 1GWh ในปี 65) เพื่อรองรับการขาย CEV คาดจะเติบโตต่อเนื่อง

.

ขณะที่มองว่าปริมาณขาย CEV ที่สูงขึ้นจะเป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้น EA ในระยะสั้น โดยคาดยอดขายรถโดยสารไฟฟ้า 800 คัน ในไตรมาส 4/65 (จาก 251 คัน ในไตรมาส 3/65) และเพิ่มเป็น 3,500 คันในปี 66 เมื่อรวมกับยอดขายรถบรรทุกไฟฟ้า จากการมียอดสั่งซื้อรถโดยสารไฟฟ้าในมือแล้ว 2,000 คัน เชื่อว่าคำสั่งซื้อในอนาคตจะมีทั้งรถโดยสารไฟฟ้าสำหรับบริการขนส่ง และรถบรรทุกไฟฟ้าสำหรับการขนส่งสินค้า

.

โดยยอดขาย CEV ที่เติบโตย่อมทำให้ยอดขายแบตเตอรี่ของ EA เพิ่มขึ้นเช่นกัน ซึ่ง EA มีการถือหุ้น 73% ในโรงงานผลิต CEV (Absolute Assembly) และ 71% ในโรงงานผลิตแบตเตอรี่ (Amita)

.

นอกจากนี้ประเทศไทยแสดงเจตจำนงชัดเจนในการรักษาการเป็นหนึ่งในศูนย์การผลิตรถยนต์ที่สำคัญของโลก การสนับสนุนด้านโนบายต่อการผลิต EV จึงน่าจะเป็นเป้าหมายหลักของรัฐบาลทุกชุด โดยมาตรการล่าสุดที่เพิ่งได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ (บอร์ด EV) เป็นการส่งเสริมการผลิตแบตเตอรี่ EV ในไทย ผ่านทาง

.

1.การลดภาษีสรรพสามิตแบตเตอรี่ EV เหลือ 1% (เดิม 8%) และ 2.เงินสนับสนุนโดยตรง 400-800 บาท/kWh ให้แก่ผู้ผลิตแบตเตอรี่ EV 40GWh แรกในไทย โดยคาดมาตรการนี้จะได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีและมีเริ่มใช้ในครึ่งแรกปี 66 นี้ แม้จะเชื่อว่าในที่สุดแล้วผลประโยชน์จะถูกส่งต่อไปยังผู้บริโภคด้วยราคาขาย EV ที่ตํ่าลง แต่มองว่า EA ซึ่งเป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่ EV ในประเทศรายใหญ่ที่สุดจะผู้ได้รับประโยชน์สูงสุดในเรื่องนี้

ทั้งนี้คาดว่าไตรมาส 4/65 จะสะท้อนฐานกำไรรายไตรมาสใหม่ของ EA ที่ 2.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 22%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 104% จากไตรมาสก่อน เนื่องจากเป็นไตรมาสแรกที่โรงงานผลิต CEV และโรงงานแบตเตอรี่จะมีอัตราการใช้กำลังการผลิตในระดับสูง

.

โดยคาดว่าการเติบโตกำไร เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน จะมีแนวโน้มแข็งแกร่งตลอดปี 66 ซึ่งได้แรงหนุนจากยอดขาย CEV ที่เพิ่มขึ้น และการขยายกำลังการผลิตของโรงงานแบตเตอรี่ แม้ผลทางฤดูกาลของการผลิตไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม รวมถึงการส่งมอบ CEV ล็อตใหญ่ในบางไตรมาสอาจทำให้กำไรผันผวนเมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน

.

NEX ลุ้นไตรมาส 4 กำไร 400 ล้านบาท

ส่วน NEX นักวิเคราะห์บล.บัวหลวง จำกัด (มหาชน) มีความเห็นว่า คาดกกำไรหลักในไตรมาส 4/65 จะอยู่ที่ 300-400 ล้านบาท พลิกกลับจากการขาดทุนหลักในไตรมาส 4/64 ที่ 10 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นอย่างมากจากกำไรหลัก 8 ล้านบาทในไตรมาส 3/65 เนื่องจากโรงงานจะเปิดเต็มไตรมาส การส่งมอบรถบัส EV จะเพิ่มขึ้นจาก 221 คันในไตรมาส 3/65 ไปเป็น 779 คันในไตรมาส 4/65

.

โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์ได้ขยายจากรถบัส EV (ราคา 6.3 ล้านบาท) และรถมินิบัส (ราคา 3.3 ล้านบาท) ในไตรมาส 3/65 มาเพิ่มรถบรรทุกพ่วง (ราคา 5.2 ล้านบาท) ในไตรมาส 4/65 นอกจากนี้ คาดส่วนแบ่งกำไรจากจาก Absolute Assembly (โรงงาน) ที่ 389 ล้านบาทจาก พลิกกลับจากการขาดทุน 6 ล้านบาทในไตรมาส 3/65 เนื่องจากโรงงานจะเปิดเต็มไตรมาส

.

ทั้งนี้ประมาณการกำไรหลักในปี 66 อยู่ที่ 2,068 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 507% จากปีก่อนหนุนโดยการดำเนินงานเต็มปีของโรงงานคาดปริมาณการผลิตอยู่ที่ 5,000 คันในปี 66 ซึ่ง NEX ตั้งเป้าขายรถบัส และรถมินิบัส 3,000 คันในปี 66 บริษัทมีคำสั่งซื้อที่แน่นอนแล้วประมาณ 2,700 ตัว ส่วนที่เหลืออีก 2,000 คันจะเป็นยานยนต์ไฟฟ้าประเภทใหม่ ในเดือนม.ค. 2566 NEX จะเปิดตัวรถบรรทุก 6 ล้อ รถบรรทุก 10 ตัน รถบรรทุก 15 ตัน และรถกระบะ

.

สำหรับ Absolute Assembly ปัจจุบันมีความสามารถในการผลิต 15 คัน/วัน ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายเริ่มต้นที่ 10 คัน/วันอย่างมีนัยสำคัญ ขนาดการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นจะหนุนอัตรากำไรให้ปรับตัวเพิ่มขึ้น นอกจากนี้การเปลี่ยนไปใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตในไทย (ในปี 65 40-50% เป็นชิ้นส่วนนำเข้า) จะช่วยลดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนและจะส่งผลให้ซัพพลายเชนมีความปลอดภัยมากขึ้น จึงแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 24 บาท

 

 


ปั่นปลูกปลูกปั่น