ห้องเม่าปีกเหล็ก

ต่างชาติเท 8 หุ้นใหญ่

โดย Sunnyday
เผยแพร่ :
83 views

ต่างชาติเท 8 หุ้นใหญ่เกินแสนล้าน!!

ตลาดหุ้นไทยกำลังเข้าสู่ไตรมาสสุดท้ายของปี แต่ “นักลงทุนต่างประเทศ” ยังขายสุทธิหุ้นไทยต่อเนื่อง โดยตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน (1 ม.ค.-25 ก.ย.63) นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 270,956.64 ล้านบาท การขายอย่างหนักหน่วยนั้นอาจเป็นเรื่องที่ใครก็รู้กันทั่วไป แต่คุณรู้หรือไม่ว่า ต่างชาติเทขายหุ้นไหนมากที่สุด วันนี้เราจะมาหาคำตอบ    

  

Wealthy Thai  รวบรวมข้อมูลนักลงทุนต่างชาติ หรือจากสัดส่วน Foreign Ownership จากบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ว่า 8 หุ้นที่ต่างชาติเทขายมากที่สุด ซึ่งมีมูลค่ากว่า 100,267.4 ล้านบาท ประกอบด้วย SCB นักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นแล้ว 20,144.3 ล้านบาท รองลงมาคือ PTT ถูกเทขายหุ้นแล้ว 19,064.7 ล้านบาท ลำดับที่ 3 คือหุ้น SCC ถูกเทขายหุ้นแล้ว 17,496.1 ล้านบาท ลำดับที่ 4 คือ CPALL ถูกเทขายหุ้นแล้ว 9,527.1 ล้านบาท และลำดับที่ 5 คือหุ้น ADVANC ถูกเทขายหุ้นแล้ว 9,516.5 ล้านบาท ลำดับที่ 6 คือ INTUCH ถูกเทขายหุ้นแล้ว  9,467.0 ล้านบาท ต่อมาลำดับที่ 7 หุ้น GULF ถูกเทขายแล้ว 7,755.8 ล้านบาท และสุดท้ายลำดับที่ 8 หุ้น TISCO ถูกเทขายหุ้น 7,295.9 ล้านบาท

 

ซึ่งจะสังเกตว่าทั้ง 5 หุ้น เป็นหุ้นบิ๊กแค็ปในดัชนี SET50 นำโดยหุ้นธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ SCB ซึ่งสาเหตุที่ถูกเทขายถล่มทลาย ส่วนหนึ่งนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ประเมินว่า หุ้น SCB เป็นหุ้นกลุ่มธนาคารที่ได้รับแรงกดดันจากสัญญาณ Block trade โดยเป็นหุ้นที่มีการซื้อขายสูงสุดเป็นลำดับ 1 ทั้งจากการเปิดสถานะ Long และ Short ภายหลังราคาหุ้นกลุ่มแบงก์ถูกดดันจากการเตรียมรับมือกับหนี้เสีย หรือ NPL และการตั้งสำรองที่เพิ่มขึ้น

 

 

แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 3/63 คาดว่าจะปรับตัวลดลง 30% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว (YoY) ซึ่งคาดว่ากำไรพิเศษจากการลงทุนลดลง เพราะในไตรมาส 3/62 SCB ได้ขายบริษัทประกันชีวิตให้กับ FWD มีกำไร 1.4 หมื่นล้านบาท และการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สูญฯ ที่สูงขึ้น เนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจมหภาคที่ไม่เอื้ออำนวยมากนัก

 

PTT รอ OR เข้าตลาด สร้างสีสันให้หุ้นแม่

ต่อมาคือหุ้น PTT หุ้นที่ใหญ่ที่สุดในตลาดหุ้นไทย ปีนี้เป็นอีกปีที่โดนมรสุมราคาน้ำมัน แต่ล่าสุดตัวหุ้นกำลังจะกลับมาฮอตอีกครั้ง จากการนำบริษัทลูกอย่าง OR ซึ่งจะขมวดธุรกิจค้าปลีก ที่เป็น non-oil ทั้งหมดไว้ในบริษัทนี้ โดยบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส จำกัด ระบุว่า ทางฝ่ายวิจัยแนะนำซื้อ PTT โดยให้ราคาเป้าหมาย 41 บาท จากการเห็นอัพไซต์หุ้นที่อยู่ในระดับที่จูงใจ จากช่วงก่อนหน้านี้ที่ราคาน้ำมันดิบปรับลดลง ประกอบกับการนำบริษัท OR เข้าตลาด ถือเป็นสีสันให้กับหุ้นแม่ โดยประมาณการตัวเลขสำคัญทางการเงินว่าจะมีกำไรสุทธิ 42,645 ล้านบาท ในปี 2563 เพิ่มขึ้นเป็น 69,251 ล้านบาทในปี 2564 และเพิ่มขึ้นเป็น 86,013 ล้านบาทในปี 2565 ขณะเดียวกันประเมิน PE ปีนี้ 23.61 เท่า และจะลดลงต่อเนื่อง เป็น 14.54 เท่า และ 11.71 ในปี 2564 และ 2565 ตามลำดับ

 

SCC อีกหนึ่งต้องอาศัยลูก SCGP

SCC หุ้นตัวนี้เป็นหุ้นติดลำดับต่างชาติขายต่อเนื่อง แต่ตัวหุ้นยังมีปัจจัยบวกการไอพีโอของบริษัทลูกอย่าง SCGP โดยบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ให้มุมมองว่า แนวโน้มงบครึ่งปีหลังมีแนวโน้มชะลอลงอย่างชัดเจน จากปริมาณขายปิโตรเคมีที่ลดลงจากแผนปิดซ่อมบำรุงโรงงาน VCM จำนวน 29 วันในไตรมาส 3/63 และโรงงาน MOC จำนวน 45 วันในไตรมาส 4/63 ส่วนในปี 2564 คาดผลการดำเนินงานปกติที่ 3.7 หมื่นล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้น 13% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว (YoY) ซึ่งคาดว่ามาจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและโครงการก่อสร้างพื้นฐานภาครัฐ

 

 

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ประเมินว่า หุ้น SCC ได้รับความสนใจจากนักลงทุน โดยเฉพาะนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนต่างชาติ จากการนำหุ้น SCGP เข้าไอพีโอ โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่ามูลค่าตลาด ณ ราคา IPO น่าจะเกิน 100,000 ล้านบาท ไปพอสมควร ทำให้น่าจะได้รับการคัดเลือกเข้า SET50 ภายหลังจากเข้าจดทะเบียนแล้ว 6 เดือน ซึ่งจะช่วยเพิ่มความน่าสนใจต่อหุ้น SCGP มากขึ้น

 

 

ต่อมาคือหุ้น CPALL สังเกตว่าช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมา เป็นช่วงที่นักลงทุนต่างชาติเข้าซื้อ สะสมเข้าพอร์ต แต่ปัจจุบันทยอยขายเพิ่มมากขึ้น เพื่อ Take Profit ช่วงก่อนหน้านี้ โดยนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ให้มุมมองว่า กำไร CPALL จะค่อยๆ ฟื้นตัวดีขึ้นก็จริง แต่ทางนักวิเคราะห์ได้ปรับลดประมาณการกำไรปี 2563 -2564 ลง 14% และ 12% ตามลำดับ เนื่องจากการฟื้นตัวของ SSSG ช้ากว่าคาดจากการอุปโภคบริโภคและนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง โดยยอดขายจากสาขาเดิม (SSSG) ในไตรมาส 3/63 คาดว่าติดลบประมาณ 15% จากติดลบ 20% ในไตรมาส 2/63 ทั้งนี้หุ้นยังมีความเสี่ยงว่าจะฟื้นตัวช้ากว่าที่นักวิเคราะห์ประเมินไว้ หาก Covid-19 กลับมาระบาดรอบ 2

ADVANC ลุ้นคนเปลี่ยนโทรศัพท์ใหม่ช่วงสิ้นปี หนุนกำไร

 

หุ้น ADVANC ทางนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คาดว่ากำไรหลักของบริษัทในไตรมาส 3/63 จะอยู่ที่ 6,800 ล้านบาท (+1.2% QoQ, -19.2% YoY) จากรายได้ค่าบริการในธุรกิจมือถือและธุรกิจบรอดแบนด์ที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว กำไรหลักยังถูกดดันจากรายได้ที่ลดลง 5% จาก “ฐานลูกค้าที่ลดลง" และยอดการใช้จ่ายต่อบิลที่ลดลงเหลือ 241 บาทต่อเดือน ตามภาวะเศรษฐกิจ ทั้งนี้ประเมินว่าทุกอย่างจะดูสดใสขึ้นในไตรมาส 4/63 เพราะในไตรมาสสุดท้ายของปี จะเป็นช่วงที่ผู้บริโภคนิยมเปลี่ยนโทรศัพท์ รวมถึงการวางจำหน่าย iPhone12 ซึ่งคาดว่าจะช่วยกระตุ้นยอดขายและอัตรากำไรขั้นต้นของโทรศัพท์มือถือ

 

 

สำหรับ 8 หุ้นทั้ง SCB,PTT,SCC,CPALL,ADVANC,INTUCH,GULF และ TISCO แม้จะโดนต่างชาติถล่มขาย แต่หุ้นยังมีปัจจัยเฉพาะตัว ซึ่งหากนักลงทุนจะเข้าซื้อควรรอช่วงราคาหุ้นปรับฐาน เพราะการลงทุนมีความเสี่ยงเสมอ จะต้องศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน

 

ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก


Sunnyday