นักลงทุนทุกท่านน่าจะเคยได้ยินหนังเรื่อง “The Big Short” ซึ่งเป็นหนังเกี่ยวกับเรื่องราวของ Michael Burry และเหตุการณ์วิกฤติซับไพรม์สหรัฐ (Subprime) หรือหลายคนรู้จักมันในชื่อของ "วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์"
โดย Michael Burry เป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่มองเห็นความผิดปกติของสถานการณ์ตอนนั้น และสามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างมหาศาลหลังจากที่เกิดวิกฤตครั้งนั้น ซึ่งวิกฤตฟองสบู่สินเชื่อซับไพรม์ที่เกิดขึ้น ทำให้บริษัทวาณิชธนกิจชื่อดังอย่าง Lehman Brothers ล้มละลาย อีกทั้ง MERRILL LYNCH และ AIG มีปัญหาทางสภาพคล่อง ส่งผลกระทบทำให้ตลาดหุ้นตกลงมากกว่า 60 % ในขณะนั้น และระบบเศรษฐกิจทั่วโลกถดถอยในเวลาต่อมา
ล่าสุด Bloomberg ได้สัมภาษณ์ Michael Burry โดยเนื้อหาได้เตือนว่า อาจจะมีโอกาสเกิดวิกฤตครั้งใหม่ขึ้นจากกองทุนรวมดัชนี (Index Funds) “วิกฤติฟองสบู่ตลาดหุ้น” ซึ่งเงินจำนวนมากหลั่งไหลเข้าไปลงทุนใน Index Funds ซึ่งทำให้มูลค่าที่แท้จริงของหุ้นหลายๆตัวผิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริง ซึ่งคล้ายกับครั้งที่เกิดกับขึ้นกับวิกฤติซับไพรม์ ที่เงินจำนวนมากเข้ามาลงทุนในตราสารหนี้ CDOs (Collateralized Debt Obligations) และยิ่งการเก็งกำไรจนทำให้เกิดฟองสบู่มีระยะเวลายาวนานมากขึ้นเท่าไร ความรุนแรงที่ผลกระทบที่จะตามมาก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
—————————————————————
“History repeat itself” ประวัติศาสตร์มักเกิดขึ้นซ้ำด้วยตัวมันเอง
เราไม่สามารถคาดเดาอนาคตที่จะเกิดขึ้นได้ แต่เราสามารถเตรียมตัวรับมือต่อความเสี่ยงของวิกฤตต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นได้…
ที่มา : https://www.bloomberg.com/news/articles/2019-09-04/michael-burry-explains-why-index-funds-are-like-subprime-cdos?fbclid=IwAR3SeLZC9IDL62cG9jpipQGe1dp_VO-yOJK18XKvxUPU7pzbIus6UeCcHv0