PRI ประกาศแผนธุรกิจปี 66
ตั้งเป้ารายได้นิวไฮแตะ 1.3 พันล้านบาท
จับตา! ครึ่งปีแรกปิดดีลซื้อกิจการ 1 แห่ง

.
PRI ประกาศทิศทางธุรกิจปี 2566 ตั้งเป้ารายได้ทำนิวไฮแตะระดับ 1,300 ล้านบาท โตจากปี 2564 เกือบ 3 เท่า พร้อมขยายโครงการทะลุ 150 โครงการ เผยอยู่ระหว่างดีลซื้อกิจการ 3 ดีล คาดชัดเจนครึ่งแรกปีนี้ 1 ดีล
.
นางสาวจตุพร วิไลแก้ว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PRI กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ทั้งปี 2566 ไว้ที่ 1,300 ล้านบาท คิดเป็นการเติบโตจากปี 2564 ถึงราว 173.06% หรือเกือบ 3 เท่าตัว นับเป็นการสร้างสถิติสูงสุดใหม่ และตั้งเป้าจะมีโครงการที่เข้าไปบริหารนิติบุคคลและโครงการที่เข้าไปบริหารงานขายรวมกันมากกว่า 150 โครงการ จากปัจจุบันที่อยู่ 120 โครงการ โดยจะเน้นโครงการภายนอกเครือออริจิ้นเป็นหลัก
ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าสิ้นปี 2566 สัดส่วนโครงการที่เข้าไปบริหารนิติบุคคลและโครงการที่เข้าไปบริหารงานขายภายนอกจะเพิ่มขึ้นเป็น 60% จากปัจจุบันอยู่ที่ 40%
.
สำหรับแผนการเติบโตภายใต้แนวคิด “Super Living Service” บริษัทจะขยายขอบเขตธุรกิจบริการใหม่ๆ ทั้งกลุ่มต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ในหลากหลายมิติ ได้แก่ 1.การเพิ่มบริการในเซ็กเมนต์ใหม่ เช่น การขยายบริการบางกลุ่มธุรกิจจากเซ็กเมนต์ทั่วไป สู่เซ็กเมนต์ระดับลักชัวรี
.
2.การเปิดตัวธุรกิจใหม่ มุ่งเน้นธุรกิจที่จะช่วยเติมเต็มความครบวงจรของงานบริการ และธุรกิจที่สอดคล้องกับทิศทางเมกะเทรนด์โลก และ 3.การบุกตลาดต่างจังหวัด วางแผนส่งบริษัทย่อยบุกให้บริการในพื้นที่ทั้ง 4 ภูมิภาคหลักของประเทศ ได้แก่ ภาคเหนือ ภาคอีสานที่ จ.ขอนแก่น และเขาใหญ่ ภาคกลางตอนล่างและภาคใต้ที่ หัวหิน และ จ.ภูเก็ต และภาคตะวันออก ที่ จ.ชลบุรี และ จ.ระยอง
.
ส่วนการขยายอาณาจักร Super Living Service ของบริษัท จะมีทั้งการสร้างการเติบโตด้วยตัวเอง (Organic Growth) และการเติบโตทางลัด (Inorganic Growth) ผ่านการจับมือร่วมทุนกับพันธมิตร (Joint Venture) กับผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจนั้น ตลอดจนการพิจารณาซื้อกิจการ (M&A) ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจนั้นอยู่แล้ว เพื่อสร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยยกทัพบริษัทในเครือ มองหาพันธมิตรที่จะเข้ามาเติมเต็มความครบวงจรภายในปีนี้
.
“ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างเจรจาเพื่อเข้าซื้อกิจการประมาณ 3 ดีล คาดจะได้ข้อสรุปธุรกิจต้นน้ำ คือ กลุ่มธุรกิจที่ปรึกษาและออกแบบทางวิศวกรรม (Per-Living Services) ชัดเจนภายในครึ่งแรกของปีนี้ 1 ดีล ซึ่งหากดำเนินการเสร็จสิ้นดีลดังกล่าวจะเข้ามาสนับสนุนรายได้ของบริษัทให้เติบโตจากเป้าหมายที่ตั้งไว้ 1,300 ล้านบาท”
.
ขณะที่ในช่วงไตรมาส 2/2566 บริษัทจะเริ่มนำร่องบุกต่างจังหวัดนอกพื้นที่ EEC เป็นครั้งแรก ที่จังหวัดภูเก็ต โดยทยอยส่งบริษัทย่อยในปัจจุบันทั้ง 8 บริษัท เข้าไปดำเนินธุรกิจ ได้แก่ 1.บริษัท พรีโม แมเนจเม้นท์ จำกัด และ 2.บริษัท คราวน์ เรสซิเดนซ์ จำกัด ให้บริการบริหารนิติบุคคล ดูแลคุณภาพชีวิตลูกค้าทั้งระดับทั่วไปและระดับลักชัวรี เช่น โครงการวิลลาในพื้นที่ 3.บริษัท แพสชั่น เรียลเตอร์ จำกัด ให้บริการนายหน้าซื้อ-ขาย-ปล่อยเช่า และพัฒนาโครงการ
.
4.บริษัท อูโน่ เซอร์วิส จำกัด ดูแลบริการงานด้านความสะอาด 5.บริษัท ยูไนเต็ด โปรเจคต์ แมเนจเมนท์ จำกัด ให้บริการบริหารงานก่อสร้างโครงการ 6.บริษัท ยูพีเอ็ม ดีไซน์ สตูดิโอ จำกัด ให้บริการออกแบบสถาปัตยกรรมทั้งภายในและภายนอกอาคารแก่ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 7.บริษัท วายด์ อินทีเรีย จำกัด ให้บริการตกแต่งภายในครบวงจร
.
และ 8.บริษัท แฮมป์ตัน โฮเทล แอนด์ เรสซิเดนซ์ แมเนจเมนท์ จำกัด ดำเนินงานบริหารจัดการสินทรัพย์ (Asset Management) ช่วยบริหารจัดการผู้เช่าหรือผู้เข้าพัก สร้างรายได้หรือผลตอบแทนให้เป็นไปตามเป้าหมายของเจ้าของโรงแรมหรือที่พักอาศัย
.
“ทุกธุรกิจของเรา ทั้งธุรกิจดั้งเดิมและธุรกิจใหม่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต จะเข้าไปเกี่ยวข้องกับผู้บริโภคตั้งแต่ตอนยังโสด ตอนแต่งงาน ตอนมีครอบครัว ตอนทายาทเริ่มเติบโต เราจะเป็น Happy Maker ที่มีบริการตอบโจทย์ผู้บริโภคตลอดช่วงชีวิต หรือ Lifetime” นางสาวจตุพร กล่าว
.
ทั้งนี้ บริษัทยังมีแผนพิจารณาการขยายธุรกิจใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง มุ่งเน้นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับผู้บริโภครายย่อยเป็นหลัก อาทิ ธุรกิจร้านสะดวกซัก (Wash & Dry) รวมถึงรักษาระดับการเติบโตในกลุ่มธุรกิจทั้ง 8 ที่ให้บริการอยู่แล้วในปัจจุบัน