TKN แข็งแกร่งกว่าที่เคยเป็น
ประเด็นสำคัญ เมื่อวันที่ 28 ส.ค. เราร่วมการประชุมนักวิเคราะห์ประจำไตรมาส 2/2566 ของ TKN และกลับมาด้วยมุมมองเชิงบวก ประเด็นสำคัญ ได้แก่
1) TKN เพิ่มเป้าการเติบโตของยอดขายปี 2566 จาก 15% เป็น 20% ซึ่งบ่งชี้ว่ายอดขายครึ่งหลังของปี 2566 คาดว่าจะเติบโตประมาณ 5.7% HoH และไม่รวม upside risk จากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวภายในประเทศ
2) เป้ายอดขายปี 2567-68 เติบโต 15%
3) การผลิตป๊อปคอร์นของ MAJOR จะเริ่มในเดือน ก.ย.2566 ขณะที่ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับแนวทางธุรกิจ
4) TKN มีแผนที่จะปรับราคาขายของผลิตภัณฑ์บางประเภทขึ้นเพื่อชดเชยต้นทุนสาหร่ายที่สูงขึ้นในไตรมาส 4/2566 แต่อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) จะยังคงอยู่ที่สูงกว่า 30%
5) ตลาดต่างประเทศทำผลงานได้ดีมาก โดยเฉพาะในสหรัฐฯ อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ซึ่งระยะเวลาเฉลี่ยนับจากวันที่ขายสินค้าจนถึงวันที่เก็บเงินได้จากลูกหนี้ (A/R day) โดดเด่นเพียง 14 วัน หลังจากประสบความสำเร็จในการนำเสนอสาหร่ายรสชาติใหม่ๆ และสาหร่ายอบ เข้าสู่ตลาด และรวมถึงแคมเปญการตลาดเชิงรุกเพื่อเพิ่มการรับรู้
6) ธุรกิจร้านอาหารจะคุ้มทุนในปี 2567
7) อัตราภาษีที่แท้จริงอาจเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
8) การปล่อยน้ำเสียในญี่ปุ่นจะไม่ส่งผลกระทบต่อสาหร่ายทะเลในเกาหลีใต้
มุมมองของเรา เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ TKN เนื่องจากเราคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เพิ่มขึ้นจะเป็นปัจจัยขับเคลื่อนยอดขายในประเทศในครึ่งหลังของปี 2566 โดยเห็นได้จากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เพิ่มขึ้นในเดือน ก.ค. เป็น 410,311 คน คิดเป็น 41.7% ของระดับก่อนเกิดโควิด-19 เทียบกับ 37.2% ในเดือน มิ.ย. ขณะที่หน่วยธุรกิจระหว่างประเทศดูจะมีแนวโน้มที่ดี เนื่องจากยอดขายเพิ่มขึ้นทุกไตรมาสตามการขยายความครอบคลุมไปยังร้านค้าเครือข่ายโมเดิร์นเทรดในต่างประเทศ และ A/R day ที่โดดเด่นเพียง 14 วัน ซึ่งแสดงถึงธุรกรรมที่ดำเนินเกือบเทียบเท่าเงินสด
ส่งผลให้โอกาสสต็อกสะสมในต่างประเทศและการสร้างปริมาณการขายที่เกินจริง ลดลง ในไตรมาศ 3/2566 การใช้งานเครื่องจักรที่เพิ่มขึ้น อาจส่งผลให้ยอดขายรวมเติบโต 11.4% YoY และ 3.2% QoQ และกำไรสุทธิที่สูงขึ้น ในแง่ของต้นทุน แม้ว่าราคาสาหร่ายจะเพิ่มขึ้น 10%-15% ในไตรมาส 4/2566 แต่ TKN ได้ปรับต้นทุนอื่นๆ เพื่อรองรับผลกระทบดังกล่าว หากมองในแง่บวก ความกังวลเกี่ยวกับการปนเปื้อนของน้ำเสียในญี่ปุ่นอาจส่งผลให้ความต้องการสาหร่ายทะเลเพื่อเป็นส่วนผสมอาหารทั่วโลกลดลง และกดดันราคาให้ลดลงตาม
