ปี 2020 เป็นปีแห่งการระบาด COVID-19 เมื่อผ่านพ้นไปก้าวเข้าสู่ปี 2020 ที่อาจจะเรียกได้ว่าเป็นปีแห่งโอกาสของประเทศ Emerging Market ในเอเชีย เหตุจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวชัดเจนขึ้น ถึงแม้ Q1 จะยังไม่โดดเด่นเนื่องจากเป็นเฟสของการกระจายวัคซีนไปทั่วโลก แต่สำหรับ Q2 จะโดดเด่นอย่างแน่นอน
บทวิจัยจาก Nomura ประเมินเศรษฐกิจในเอเชียคาดจะฟื้นตัวเฉลี่ย 7.7% โดยเหนือว่าค่าเฉลี่ยทั้งโลกอยู่ที่ 3.7% สาเหตุหลักแบ่งเป็นข้อๆได้แบบนี้ครับ
1. ประธานาธิบดีคนใหม่ของอเมริกา นายโจ ไบเดน อยู่ในช่วงเดินสายทำข้อตกลงทางการค้ากับประเทศต่างๆ
2. การเจรจากับจีนอาจจะยังไม่ชัดเจน รวมถึงไม่ได้มีการยกเลิกมาตรการภาษีที่มีผลแล้วในสมัยของนายโดนัลด์ ทรัมป์ แต่นโยบยายใหม่น่าจะมีแนวโน้มที่ผ่อนคลายมากขึ้น
3. นโยบายทางการเงินในเอเชีย แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยมีโอกาสที่จะลดลงได้อีก โดยเฉลี่ยในกลุ่ม ASEAN น่าจะลดดอกเบี้ยเพิ่มเติม
ปัจจัยที่กล่าวมาข้างต้นทำให้ตลาด Emerging Market ในเอเชีย เป็นเป้าหมายของการลงทุน และจะปรับตัวขึ้นเด่นในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ และผลลัพธ์จะเกิดเด่นชัดในช่วงครึ่งปีหลังของปี
แล้วภาพของเศรษฐกิจไทยละ ?
... ยังคงฟื้นตัวช้าต่อไป อธิบายได้แบบนี้ครับ
1. สาเหตุหลักมาจากการส่งออกและเรื่องของการท่องเที่ยว ที่คิดเป็น 44.7% และ 11.1% ของ GDP
2. การชุมนุมทางการเมืองที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และยืดเยื้อต่อไปอีกหลายเดือน
3. โนมูระ มองว่าธนาคารกลางของไทยมีแนวโน้่มจะปรับดอกเบี้ยลดลงอีก 2 ครั้ง ครั้งละ 0.25%
4. เศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวได้ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2022 นำโดยวัคซีนและการท่องเที่ยวที่เริ่มกลับมาคึกคักในช่วงไตรมาส 2 ของปี 2021
สำหรับเรื่องของการลงทุนแล้ว CNS แนะนำให้ถือหุ้นไทยประมาณ 40% ของพอร์ต และหุ้นต่างประเทศประมาณ 25-30% การลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัยประมาณ 35% โดยแนะนำหุ้นที่อิงวงจรเศรษฐกิจ เช่น หุ้นกลุ่มค้าปลีก หุ้นพลังงานสะอาด หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หุ้น Value ที่ยังขึ้นช้า