ห้องเม่าปีกเหล็ก

มุมมอง .... บล ทรินิตี้แนะลดพอร์ตหุ้นใหญ่

โดย ทองม้วน
เผยแพร่ :
82 views

  บล.ทรีนีตี้ แนะลดพอร์ตลงทุนหุ้นขนาดใหญ่ หลังนายโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ โดยประเมินมีโอกาสเงินทุนต่างชาติไหลกลับสหรัฐ รวมถึงปรับลดแนวรับของปีนี้ลงมาที่ 1,450 จุด จากเดิมที่ 1,500 จุด      
       

ขณะที่หุ้นกลุ่มธนาคาร มีโอกาสถูกปรับลดประมาณการได้ หลังผลประกอบการไตรมาส 3/59 ออกมาแล้ว พร้อมมองผลประกอบการในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า จะไม่โดดเด่น เนื่องจากจะต้องใช้มาตรฐานบัญชีใหม่ ซึ่งจะทำให้ต้องตั้งสำรองเพิ่มขึ้น  
       

นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ กล่าวว่า การที่นายทรัมป์ ชนะการเลือกตั้ง คาดว่าในระยะสั้นตลาดหุ้นและค่าเงินของประเทศเกิดใหม่ จะปรับตัว underperform ตลาดประเทศพัฒนาแล้ว โดยเฉพาะสหรัฐ แต่มองว่าในส่วนตลาดหุ้นไทย จะมี downside ไม่มาก เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติ ถือครองหุ้นไทยในระดับที่ต่ำมากแล้ว  
       

โดยฝ่ายวิจัย ประเมิน downside ของดัชนีในช่วงที่เหลือของปีนี้ อยู่ที่ประมาณ 1,430-1,450 จุด ซึ่งปรับลดลงจากเดิมที่เคยประเมินว่าจะอยู่ที่ 1,500 จุด ซึ่งคาดว่าเมื่อนายทรัมป์ เข้ามาบริหารจะพยายามพลักดันให้ออกกฎหมายที่เกี่ยวกับภาษีโดยเร็ว ได้แก่ การปรับลดภาษีนิติบุคคลเหลือ 15% และการปรับลดภาษีเงินโอนกลับสู่ประเทศลงเหลือ 10% รวมถึงนโยบายที่จะเน้นการสร้างงานในประเทศ และการกีดกันการค้าต่างๆ ซึ่งเป็นนโยบายที่เป็นลบต่อประเทศเกิดใหม่ แต่คาดว่าคงจะดำเนินการในปีหน้า  
       

เขา กล่าวว่า สำหรับแรงซื้อจากกองทุนรวมหุ้นระยะยาว(LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ(RMF) ในช่วงสุดท้ายของปีนี้ คงไม่มีผลต่อดัชนีหุ้นไทยอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากความต้องการของนักลงทุนที่อาจลดลง จากระยะเวลาถือครองที่นานมากขึ้น และระดับมูลค่าของตลาดที่สูงขึ้น รวมถึงการที่นักลงทุนสถาบันอาจเก็บเงินสดไว้บางส่วน เพือรองรับการไถ่ถอนกองทุน LTF ที่จะครบกำหนดอายุในช่วงต้นปีหน้า  
       

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจาก Bond yield ของสหรัฐที่ปรับขึ้น โดยล่าสุด Bond yield อายุ 10 ปี ปรับขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 2.0% แล้ว ซึ่งจะทำให้มีเงินไหลกลับไปยังสหรัฐ
       

นายณัฐชาต แนะนำให้ลดพอร์ตหุ้นขนาดใหญ่ลง และหากดัชนีปรับตัวลงมาที่กรอบแนวรับ 1,450 ถือเป็นระดับที่น่าสนใจลงทุน โดยให้ทยอยซื้อหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็ก ที่มองว่าจะ outperform ตลาดอีกครั้ง
       

ด้านศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบี มองว่าในระยะสั้นตลาดเงินและตลาดทุนไทย จะมีความผันผวนต่อเนื่อง หลังนายทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง เนื่องจากนักลงทุนส่วนมากยังสับสนกับนโยบายของนายทรัมป์ และผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และความผันผวนในตลาด จะคงอยู่จนกว่านายทรัมป์จะประกาศนโยบายที่แน่ชัดในช่วงเดือน ม.ค.ปีหน้า  
       

ส่วนในระยะยาว มองว่าสิ่งที่จะกำหนดทิศทางของตลาดทุนไทยที่แท้จริงคือ นโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)--


ทองม้วน