3 เจ้าสัว’ กำไรอู้ฟู่ ไตรมาส 2 โกย 1.7 หมื่นล้าน ‘กลุ่มช้าง’ รุ่งสุด
3 ตระกูลดัง จิราธิวัฒน์ เจียรวนนท์ และสิริวัฒนภักดี มีกำไรสุทธิรวมไตรมาส 2 ที่ 17,259.79ล้านบาท และครึ่งปีแรกอยู่ที่ 39,378.65 ล้านบาท “กลุ่มช้าง” รุ่งสุดมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น ด้านจิราธิวัฒน์และเจียรวนนท์ กอดคอลดลง
รายงานข่าวจากตลาด หลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ในไตรมาส 2และงวด 6 เดือน ปี 2562 กำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในเครือของ 3 ตระกูลดัง คือ จิราธิวัฒน์ เจียรวนนท์ และสิริวัฒนภักดี มีกำไรสุทธิรวมในไตรมาส 2 ปี 2562 อยู่ที่ 17,259.79ล้านบาท ลดลง 10,916.85 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ปี 2561 ที่มีกำไรสุทธิรวมที่28,176.64 ล้านบาท และงวด 6 เดือน ปี 2562 มีกำไรสุทธิรวมอยู่ที่ 39,378.65 ล้านบาท ลดลง7,282.37 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวด 6 เดือน ปี 2561 อยู่ที่ 46,661.02 ล้านบาท ซึ่งตระกูลที่มีผลกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นคือ สิริวัฒนภักดี ส่วน จิราธิวัฒน์ และเจียรวนนท์ มีผลกำไรสุทธิลดลง
สำหรับตระกูลสิริวัฒนภักดี ไตรมาส 2 ปี 2562 บริษัทในเครือมีกำไรสุทธิรวม 2,789.10ล้านบาท เพิ่มขึ้น 365.07 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ปี 2561 ที่มีกำไรสุทธิรวม 2,424.03ล้านบาท ส่วนงวด 6 เดือน ปี 2562 มีกำไรสุทธิรวม 7,103.72 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 576.32 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวด 6 เดือน ปี 2561 ที่มีกำไรสุทธิรวม 6,527.40 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทในเครือที่มีผลกำไรมากที่สุด คือ บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) (BJC) ที่ในไตรมาส 2 มีกำไรสุทธิ 1,527.56 ล้านบาท ส่วนครึ่งปีแรกมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 3,031.61 ล้านบาท
ด้านตระกูลจิราธิวัฒน์ ในไตรมาส 2 ปี 2562 บริษัทในเครือมีกำไรสุทธิรวม 3,326.83ล้านบาท ลดลง 888.25 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ปี 2561 ที่มีกำไรสุทธิรวม 4,215.08ล้านบาท ส่วนงวด 6 เดือน ปี 2562 มีกำไรสุทธิรวม 8,055.38 ล้านบาท ลดลง 1,120.23 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวด 6 เดือน ปี 2561 ที่มีกำไรสุทธิรวม 9,175.61 ล้านบาท โดยบริษัทในเครือที่มีผลกำไรมากที่สุด คือ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) (CPN) ที่ในไตรมาส 2 มีกำไรสุทธิ2,469.67 ล้านบาท ส่วนครึ่งปีแรกมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 5,316.64 ล้านบาท
ขณะที่ ตระกูลเจียรวนนท์ในไตรมาส 2 ปี 2562 บริษัทในเครือมีกำไรสุทธิรวม 11,143.86ล้านบาท ลดลง 10,393.67 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ปี 2561 ที่มีกำไรสุทธิรวม21,537.53 ล้านบาท ส่วนงวด 6 เดือน ปี 2562 มีกำไรสุทธิรวม 24,219.55 ล้านบาท ลดลง6,738.46 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวด 6 เดือน ปี 2561 ที่มีกำไรสุทธิรวม 30,958.01 ล้านบาทโดยบริษัทในเครือที่มีผลกำไรมากที่สุด คือ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) (CPALL) ที่ในไตรมาส 2 มีกำไรสุทธิ 4,794.61 ล้านบาท ส่วนครึ่งปีแรกมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 10,563.79 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทที่มีผลกำไรสุทธิลดลงมากที่สุด คือ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (TRUE) ของตระกูลเจียรวนนท์ โดยไตรมาส 2 ปีนี้มีกำไรสุทธิ 1,060.30 ล้านบาท ลดลง8,691.08 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนงวด 6 เดือนปีนี้ มีกำไรสุทธิ2,568.99 ล้านบาท ลดลง 6,509.83 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังจากมีค่าใช้จ่ายพิเศษค่าชดเชยพนักงานตามกฎหมายแรงงานใหม่ ผลกระทบจากการขายสินทรัพย์เข้ากองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมดิจิทัล (DIF) และการด้อยค่าของสินทรัพย์
ขณะเดียวกัน ทางด้านตระกูลสิริวัฒนภักดี ได้ปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ โดยดำเนินการให้บริษัทแอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) (AWC) เตรียมเข้าระดมทุนในตลท. เพื่อให้บริษัทมีมาตรฐานและความยั่งยืน รวมถึงช่วยให้ธุรกิจมีความแข็งแกร่งและเป็นระบบมากขึ้น ส่วนตระกูลจิราธิวัฒน์ เตรียมนำบริษัท โรบินสัน จำกัด (มหาชน) (ROBINS) เพิกถอนออกจากบจ. ซึ่งรวมธุรกิจค้าปลีกภายใต้บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (CRC) จากนั้นจะดำเนินการให้CRC เป็นบริษัทจดทะเบียนเพียงรายเดียว
บล.เอเซีย พลัส จก.ระบุว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีการเสนอในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ คาดจะช่วยเพิ่มกำลังซื้อในประเทศให้เพิ่มสูงขึ้น และส่งผลบวกต่อหุ้นในกลุ่มต่างๆได้แก่ กลุ่มท่องเที่ยวและโรงแรม อาทิ MINT, ERW และ CENTEL ได้รับประโยชน์โดยตรงจากมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยว รวมถึงหุ้นกลุ่มค้าปลีก เช่น ROBINS และ BJC ซึ่งหุ้นที่ได้ประโยชน์ส่วนใหญ่อยู่ในเครือธุรกิจของทั้ง 3 ตระกูล
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก