ตี๋โบ๊โผล่หัวคุย

มาตรการพยุงเศรษฐกิจกลางปี 2562 
ประคองการใช้จ่ายภายในประเทศ
หนุน KR-ECI เดือนพ.ค. ปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย

By : ศูนย์วิจัยกสิกรไทย

• ดัชนีภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพของครัวเรือนไทย (KR-ECI) ในเดือนพ.ค. 2562 ปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ระดับ 43.7 จากเดิมที่ระดับ 43.5 ในเดือนเม.ย. 2562 จากอานิสงส์มาตรการพยุงเศรษฐกิจในช่วงกลางปี 2562 ที่มีส่วนช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายของครัวเรือนบางส่วนทั้งทางตรงและทางอ้อม ประกอบกับครัวเรือนบางส่วนมีความกังวลเรื่องภาระหนี้สินลดลง เนื่องจากมีการชำระคืนค่างวดที่ได้กู้ยืมไปเพื่อชำระค่าเล่าเรียนปีการศึกษาใหม่ของบุตรหลานเมื่อเดือนเม.ย. 2562 
• ขณะที่ดัชนีภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพของครัวเรือนช่วงอีก 3 เดือนข้างหน้า (3-month Expected KR-ECI) ที่ทำการสำรวจในเดือนพ.ค. 2562 ทรงตัวเท่าเดิมที่ระดับ 45.7 โดยครัวเรือนบางส่วนมองว่า จะมีการก่อหนี้เพิ่มขึ้นในช่วง 3 เดือนข้างหน้า (มิ.ย.-ส.ค. 2562) ส่วนหนึ่งเป็นผลของมาตรการพยุงเศรษฐกิจช่วงกลางปี 2562 โดยเฉพาะมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองที่ช่วยเร่งรัดการตัดสินใจขอสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยใหม่ของครัวเรือนภายในปี 2562 อย่างไรก็ดี ความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจในมิติอื่นๆ ของครัวเรือนที่ลดลงเป็นแรงประคองที่ทำให้มุมมองของครัวเรือนต่อภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพของตนเองในช่วง 3 เดือนข้างหน้าไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดือนก่อน

• ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพของครัวเรือนไทยในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2562 ยังเผชิญความไม่แน่นอนอยู่ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของราคาอาหารสดที่มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสภาวะฝนทิ้งช่วงในช่วงฤดูฝน ประกอบกับเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอตัวต่อเนื่องส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ต่อผู้ประกอบการและตลาดแรงงานภายในประเทศ อย่างไรก็ดี ยังต้องติดตามนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดใหม่หลังเข้ารับตำแหน่ง โดยคาดว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่เป็นนโยบายเร่งด่วนออกมา ซึ่งน่าจะเป็นผลบวกต่อเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งหลังของปี 2562

ดัชนีภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพของครัวเรือนไทย (KR-ECI) ในเดือนเม.ย. 2562 ปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยจากเดิมที่ระดับ 43.5 ในเดือนเม.ย. 2562 มาอยู่ที่ระดับ 43.7 ในเดือนพ.ค. 2562 จากความกังวลที่ลดลงต่อประเด็นเรื่องภาระหนี้สินเป็นสำคัญ โดยการสำรวจภาวะการครองชีพของครัวเรือน พบว่า ร้อยละ 16.7 ของครัวเรือนไทยที่ทำการสำรวจมีค่างวด (หนี้) ที่ต้องชำระลดลงในเดือนพ.ค. 2562 ซึ่งนับเป็นสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นจากเดือนเม.ย. 2562 ที่อยู่ที่ร้อยละ 10.6 ในขณะเดียวกัน ครัวเรือนที่มีค่างวดที่ต้องชำระเพิ่มขึ้นในเดือนพ.ค. 2562 ก็มีสัดส่วนลดลงเมื่อเทียบกับผลการสำรวจเมื่อเดือนก่อนหน้า จากเดิมที่ร้อยละ 23.9 ในเดือนเม.ย. มาอยู่ที่ร้อยละ 21.5 ในเดือนพ.ค. 2562 โดยสาเหตุหลักๆ เป็นผลมาจากการชำระค่างวด (หนี้) จากการกู้ยืม จำนำ หรือกดเงินสดจากบัตรกดเงินสดเพื่อนำมาชำระค่าเล่าเรียนบุตรหลานที่ทางโรงเรียนทยอยเรียกเก็บในช่วงเดือนเม.ย. 2562 ไปบ้างแล้ว อย่างไรก็ดี เป็นที่น่าสังเกตว่า สัดส่วนครัวเรือนที่มีภาระหนี้สินเพิ่มขึ้นจากการขอสินเชื่อใหม่เพื่อซื้อบ้าน รถยนต์ หรือเพื่อการลงทุนประกอบธุรกิจเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในเดือนพ.ค. 2562 ส่วนหนึ่งเป็นผลของมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองที่กระทรวงการคลังออกนโยบายมาเพื่อพยุงเศรษฐกิจในช่วงกลางปี 2562 โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 30 เม.ย. จนถึง 31 ธ.ค. 2562

นอกจากมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองแล้ว มาตรการพยุงเศรษฐกิจช่วงกลางปี 2562 อื่น ๆ ก็มีส่วนช่วยประคับประคองการบริโภคภายในประเทศ จากการสำรวจเพิ่มเติมพบว่า ร้อยละ 57.6 ของครัวเรือนไทยที่ทำการสำรวจมองว่า มาตรการภาษีเพื่อพยุงเศรษฐกิจในช่วงกลางปี 2562 ช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายของตนเองในเดือนพ.ค. 2562 ได้จริง โดยมาตรการภาษีที่มีผลกระตุ้นการใช้จ่ายของครัวเรือนมากที่สุด ได้แก่ มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวทั่วประเทศไทยและมาตรการภาษีเพื่อกระตุ้นการซื้อสินค้าเกี่ยวกับการศึกษาและกีฬาซึ่งช่วยให้ผู้ปกครองประหยัดค่าใช้จ่ายสำหรับค่าซื้อสินค้าหมวดดังกล่าวในทางอ้อมด้วย

ในขณะที่ดัชนีภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพของครัวเรือนในอีก 3 เดือนข้างหน้า (3-month Expected KR-ECI) ทรงตัวที่ระดับ 45.7 ไม่เปลี่ยนแปลงไปจากการสำรวจในช่วงเดือนเม.ย. 2562 โดยในระยะ 3 เดือนข้างหน้า (เดือนมิ.ย. –ส.ค. 2562) ครัวเรือนมีความกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย (ไม่รวมหนี้สิน) ลดลง แต่มีความกังวลเรื่องภาระหนี้สินเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นผลจากมาตรการพยุงเศรษฐกิจช่วงกลางปี 2562 ที่มีส่วนช่วยบรรเทาภาระค่าครองชีพของครัวเรือนกลุ่มเกษตรกร กลุ่มผู้พิการ รวมถึงกลุ่มผู้มีรายได้น้อย ในขณะเดียวกัน มาตรการภาษีเพื่อพยุงเศรษฐกิจในช่วงกลางปี 2562 โดยเฉพาะมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองก็มีส่วนเร่งรัดให้ครัวเรือนตัดสินใจวางแผนขอสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยภายในปี 2562 เพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษี

โดยสรุปแล้ว ดัชนีภาวะเศรษฐกิจของครัวเรือนไทย (KR-ECI) ปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยในเดือนพ.ค. 2562 ส่วนหนึ่งเป็นผลของมาตรการพยุงเศรษฐกิจในช่วงกลางปี 2562 ของกระทรวงการคลัง ประกอบกับได้ผ่านพ้นช่วงเดือนเม.ย. ที่มีการใช้จ่ายมากเป็นพิเศษไปแล้ว เช่น ค่าเล่าเรียนบุตรหลาน ค่าใช้จ่ายช่วงวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ ในขณะที่ดัชนีภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพของครัวเรือนในอีก 3 เดือนข้างหน้า (3-month Expected KR-ECI) ทรงตัวต่อเนื่องจากเดือนก่อนหน้าจากอานิสงส์ของมาตรการพยุงเศรษฐกิจช่วงกลางปี 2562 เป็นสำคัญ

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพของครัวเรือนไทยในช่วงไตรมาสที่ 3/2562 ยังเผชิญหลายปัจจัยเสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของระดับราคาสินค้าภายในประเทศ โดยเฉพาะอาหารสด ที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นจากสภาวะฝนทิ้งช่วงในฤดูฝน ซึ่งเป็นผลของภาวะเอลนีโญที่มีโอกาสจะลากยาวไปจนถึงช่วงต้นปี 2563 นอกจากนี้ การชะลอตัวอย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจโลกคาดว่าจะส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจไทย ซึ่งอาจจะยังผลเป็นลูกโซ่มายังสภาพคล่องของภาคธุรกิจและการจ้างงานภายในประเทศ อย่างไรก็ดี ยังต้องติดตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดใหม่ โดยเฉพาะนโยบายหาเสียงก่อนการเลือกตั้ง เช่น การเพิ่มอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ นโยบายเกี่ยวกับสวัสดิการสังคม รวมไปถึงมาตรการเกี่ยวกับภาษี เป็นต้น ซึ่งอาจจะมีส่วนช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศช่วงครึ่งหลังของปี 2562

"This is based on intelligence, the weapons used, the level of expertise needed to execute the operation, recent similar Iranian attacks on shipping, and the fact that no proxy group operating in the area has the resources and proficiency to act with such a high degree of sophistication," Pompeo said.

Pompeo said Iran "promised" on April 22 to disrupt oil shipping from the Strait of Hormuz.

"It is now executing that promise," he said.

He said the attacks Thursday, which left two tankers in flames off Iran's south coast, were part of a series of attacks instigated by Tehran and its surrogates.

"Taken as a whole, these unprovoked attacks present a clear threat to international security, a blatant assault on the freedom of navigation, and an unacceptable campaign of escalating tension by Iran," the top US diplomat said.

He said Iran is lashing out because of the impact of US and international sanctions, but said it had no right "to attack innocent civilians and engage in nuclear blackmail."

Pompeo said he had ordered the US envoy to the United Nations, Jonathan Cohen, to raise the alleged attacks in the UN Security Council meeting Thursday afternoon.

He said US policy aims to bring Iran back into negotiations over its nuclear program and regional activities.

However, he added, "The United States will defend its forces, interests and stand with our partners and allies to safeguard global commerce and regional stability."

"And we call upon all nations threatened by Iran to join us in that endeavor."

Meanwhile President Donald Trump on Thursday said it is too early even to consider entering negotiations with Iran.

Trump said that he appreciated the mediating mission to Tehran on Thursday by Japanese Prime Minister Shinzo Abe, which was met with a sharp rebuff by Iran's supreme leader Ayatollah Ali Khamenei.

Nevertheless, said Trump, "I personally feel that it is too soon to even think about making a deal. They are not ready, and neither are we!"

นาย Mike Pompeo รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯกล่าวหาว่าอิหร่านถูกโจมตีเรือบรรทุกน้ำมันสองลำในอ่าวโอมานเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาและกล่าวว่าได้มีการฟ้องร้องต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ

"เป็นการประเมินของสหรัฐอเมริกาว่าสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านเป็นผู้รับผิดชอบการโจมตี" Pompeo กล่าวกับผู้สื่อข่าว

"สิ่งนี้ขึ้นอยู่กับหน่วยสืบราชการลับอาวุธที่ใช้ระดับความเชี่ยวชาญที่จำเป็นในการดำเนินการการโจมตีของอิหร่านในการขนส่งทางเรือที่คล้ายกันเมื่อเร็ว ๆ นี้และความจริงที่ว่าไม่มีกลุ่มพร็อกซีที่ปฏิบัติการในพื้นที่นั้นมีทรัพยากรและความสามารถ ระดับของความซับซ้อน "Pompeo กล่าว

Pompeo กล่าวว่าอิหร่าน "สัญญา" เมื่อวันที่ 22 เมษายนเพื่อขัดขวางการขนส่งน้ำมันจากช่องแคบ Hormuz

“ ตอนนี้กำลังดำเนินการตามสัญญานั้น” เขากล่าว

เขากล่าวว่าการโจมตีเมื่อวันพฤหัสบดีที่ทิ้งเรือบรรทุกน้ำมันสองลำไว้ในเปลวไฟนอกชายฝั่งทางใต้ของอิหร่านเป็นส่วนหนึ่งของการโจมตีที่เกี่ยวข้องโดยเตหะรานและตัวแทน

“ โดยรวมแล้วการโจมตีที่ไม่ผ่านการพิสูจน์เหล่านี้แสดงให้เห็นถึงภัยคุกคามที่ชัดเจนต่อความมั่นคงระหว่างประเทศการโจมตีอย่างโจ่งแจ้งต่อเสรีภาพในการนำทางและการรณรงค์ที่ยอมรับไม่ได้ของอิหร่านที่เพิ่มความตึงเครียด” อิหร่านกล่าว

เขากล่าวว่าอิหร่านถูกเฆี่ยนเพราะผลกระทบจากการคว่ำบาตรของสหรัฐและระหว่างประเทศ แต่กล่าวว่ามันไม่มีสิทธิ์ "ที่จะโจมตีพลเรือนผู้บริสุทธิ์และมีส่วนร่วมในการขู่กรรโชกนิวเคลียร์"

Pompeo กล่าวว่าเขาได้สั่งให้ผู้แทนสหรัฐไปยังโจนาธานโคเฮนของสหประชาชาติเพื่อยกระดับการโจมตีที่ถูกกล่าวหาในการประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติบ่ายวันพฤหัสบดี

เขากล่าวว่านโยบายของสหรัฐฯมีวัตถุประสงค์เพื่อนำอิหร่านกลับมาเจรจาโครงการนิวเคลียร์และกิจกรรมระดับภูมิภาค

อย่างไรก็ตามเขากล่าวเสริมว่า“ สหรัฐฯจะปกป้องกองกำลังผลประโยชน์และยืนหยัดกับพันธมิตรและพันธมิตรของเราเพื่อปกป้องการค้าโลกและความมั่นคงในภูมิภาค”

"และเราเรียกร้องให้ทุกประเทศที่อิหร่านขู่ว่าจะเข้าร่วมกับเราในความพยายามนั้น"

ในขณะเดียวกันประธานาธิบดีโดนัลด์ทรัมป์ในวันพฤหัสบดีที่กล่าวว่าเร็วเกินไปที่จะพิจารณาเข้าเจรจากับอิหร่าน

ทรัมป์กล่าวว่าเขาชื่นชมภารกิจการไกล่เกลี่ยที่กรุงเตหะรานในวันพฤหัสบดีโดยนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นชินโซอาเบะซึ่งได้พบกับการปฏิเสธอย่างชัดเจนจากผู้นำสูงสุดของอิหร่าน Ayatollah Ali Khamenei

อย่างไรก็ตามทรัมป์กล่าวว่า "โดยส่วนตัวฉันรู้สึกว่ามันเร็วเกินไปที่จะคิดถึงการทำข้อตกลงพวกเขายังไม่พร้อมและไม่ใช่พวกเรา!"