ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยสร้างภาพตลาดหุ้นไทยไว้อย่างสวยหรู สะท้อนแต่ความมั่งคั่งจากการลงทุน แต่ไม่พยายามถ่ายทอดความเสียหายของนักลงทุนนับแสนนับล้านที่ตกเป็นเหยื่อแก๊งมิจฉาชีพ
นโยบายประชาสัมพันธ์ของตลาดหลักทรัพย์กว่า 40 ปีที่ผ่านมา พุ่งเป้านำเสนอแต่แบบอย่างความสำเร็จของการเล่นหุ้น แต่ไม่เคยสะท้อนบทเรียนความล้มเหลวของนักลงทุน ทั้งที่มีบทเรียนแสนเจ็บปวดมากมาย
ประชาชนทั่วไปเห็นตลาดหุ้นเพียงแง่มุมเดียว เห็นเฉพาะมุมโลกสวยเท่านั้น แต่มุมมืดถูกปิดทับไว้ โลกแห่งความเลวร้ายจึงไม่ถูกตีแผ่
การโฆษณาถึงความสำเร็จของการเล่นหุ้นที่เกินจริง ทำให้ประชาชนหลงผิด คิดว่าตลาดหุ้นเป็นแหล่งที่จะกอบโกยความร่ารวยภายในชั่วพริบตา และนำพานักลงทุนจำนวนมากประสบความหายนะ
นักลงทุนบางส่วนอาจหมดเนื้อหมดตัว หันหลังให้ตลาดหุ้นไปแล้วนักลงทุนจำนวนไม่น้อยยัง“ ติดกับดัก“ หุ้นที่มีพฤติกรรมสร้างราคา ต้องแบกภาระขาดทุนยับเยิน
นักลงทุนที่ทุกข์ทรมาณ เพราะเสียหายจากการลงทุนมีจำนวนนับแสนๆคน และนักลงทุนเหล่านี้เป็นเชลยหุ้นร้อน เป็นเหยื่อหุ้นเก็งกำไรยอดนิยม เสียหายจากพฤติกรรมการสร้างราคา รวมทั้งหุ้นที่มี“ ขาใหญ่“ คุมเกม หรือหุ้นที่มีรูปแบบการปล้นใหม่ด้วยวิธีเพิ่มทุน ซื้อทรัพย์สิน และผ่องถ่ายเงินออก
ถ้าเปิดรายชื่อผู้ถือหุ้นบริษัทจดทะเบียนที่มีพฤติกรรมเข้าข่ายหุ้นร้อนเพียง4-5 บริษัท จะพบนักลงทุนรายย่อยที่ “ ติดหุ้น “ ประเภทนี้อยู่จำนวนนับหมื่นๆรายในแต่ละบริษัท
ไล่ตั้งแต่บริษัท ยู ซิติ้ จำกัด ( มหาชน ) หรือหุ้น “ ยู “ ( แนเชอรัล พาร์ค เดิม )ซึ่งราคาเคลื่อนไหวอยู่แถว 3 สตางค์ มีผู้ถือหุ้นรายย่อยจำนวนทั้งสิ้น 30,212 คน ถือหุ้นรวมกันสัดส่วน 99.18% ของทุนจดทะเบียน
บริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ( มหาชน ) หรือ “ ไอเฟค “ ซึ่งหุ้นอยู่ระหว่างพักการซื้อขาย มีผู้ถือหุ้นรายย่อยจำนวน 27,861 ราย ถือหุ้นรวมกันสัดส่วน 88.16% ของทุนจดทะเบียน
บริษัท อินเตอร์แนชั่นเนิลเอนจิเนียริง จำกัด ( มหาชน ) หรือ “ ไอซีซี “ ซึ่งอยู่ระหว่างถูกพักการซื้อขาย มีผู้ถือหุ้นรายย่อยจำนวน 25,567 ราย ถือหุ้นรวมกันสัดส่วน ถือหุ้นรวมสัดส่วน 98.19% ของทุนจดทะเบียน
บริษัท เอคิว เอสเตท จำกัด ( มหาชน ) หรือหุ้น “ เอคิว “ ( บริษัท กฤษดามหานคร จำกัด เดิม ) โดยหุ้นถูกพักการซื้อขาย มีผู้ถือหุ้นรายย่อยทั้งสิ้น 14,698 ราย ถือหุ้นรวมกันสัดส่วน100% ของทุนจดทะเบียน
และหุ้นบริษัท โพลาริส แคปปิตัล จำกัด( มหาชน ) หรือ หุ้น“ โพลาร์ “ ซึ่งถูกพักการซื้อขายอยู่ มีผู้ถือหุ้นรายย่อยจำนวน 11,522 ราย ถือหุ้นรวมกันสัดส่วน 99.77% ของทุนจดทะเบียน
หุ้นทั้ง 5 บริษัท มีประวัติโชกโชน มีพฤติกรรมที่ไม่ปกติธรรมดา มีขบวนการสร้างข่าว จุดพลุเก็งกำไร ทำให้นักลงทุนรายย่อยแห่เข้าไปเล่นสุกท้ายต้องกลายเป็นเหยื่อ
แทบทุกคนที่พลัดหลงเข้าไปเก็งกำไร ถูก“ กินเรียบ “ ขาดทุนกันทั่วหน้า
เพียงหุ้นร้อน 5 ตัวนี้ ทำให้นักลงทุนบาดเจ็บล้มตายรวมแล้วกว่า 100,000 ราย แต่หุ้นที่มีพฤติกรรมปล้นเงินจากตลาดหุ้นยังมีอีกนับสิบๆบริษัท ดังนั้นจำนวนเหยื่อที่ต้องเซ่นสังเวยจึงน่าจะมีจำนวนหลายแสนคน
แก๊งมิจฉาชีพที่ฝังตัวอยู่ในบริษัทจดทะเบียนและใช้วิชามารปล้นเงินจากนักลงทุนรายย่อยนั้น ตลาดหลักทรัพย์ไม่พยายามเอ่ยอ้างถึงปัญหาในหุ้นเหล่านี้ ไม่ส่งสัญญาณใดเพื่อเตือนภัย ปล่อยให้เกมเชือดรายย่อยดำเนินมากว่า 40 ปี
ภาระหน้าที่ในการปกป้องคุ้มครองนักลงทุน จบลงด้วยข้อความ “ การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนโปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุน “ เท่านั้น
ใครไม่ใช้วิจารณญาณ หากเกิดความเสียหาย ไม่อาจร้องหาความช่วยเหลือใดๆจากตลาดหลักทรัพย์ได้
พฤติกรรมการปั่นหุ้นที่โจ่งครึ่มและเกิดขึ้นมายาวนาน การปล้นเงินจากตลาดหุ้นในรูปแบบใหม่โดยการเพิ่มทุน ซื้อทรัพย์ ผ่องถ่ายออก เป็นภัยคุกคามนักลงทุนนับล้านคน
แต่ทำไมหน่วยงานที่กำกับดูแลตลาดหุ้นจึงกำราบหรือปราบปรามแก๊งมิจฉาชีพในตลาดหุ้นไม่ได้
อ่านต่อไป “ มี ก.ล.ต และ ตลาดหลักทรัพย์ไว้ทำไม“
หมายเหตุ : 1) ที่มาจาก คอลัมน์ " ชุมชนคนหุ้น " โดย สุนันท์ ศรีจันทรา ในหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน ฉบับวันที่ 5เมษายน ปี พ.ศ 2560
2) โปรดติดตามรายละเอียดการลงทุนใน สภาวะตลาดกระทิง และ ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างขาขึ้นรอบใหญ่ได้ใน longtunbysak.blogspot.com