TU รายงานผลประกอบการ 1Q63 เท่ากับ 1.02 พันล้านบาท ลดลง 20.0%YoYแม้จะมีรายได้ขายที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะอาหารทะเลแปรรูป ขณะที่อาหารทะเลแช่แข็งจะมียอดขายที่ลดลง แต่ถูกชดเชยโดยปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้น จากผลดีของ social distancingและพฤติกรรมผู้บริโภคที่ทพอาหารเองที่บ้านมากขึ้น ทั้งนี้ส่งผลให้ GPM อยู่ที่ 16.2%เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 1.28% ส่วนด้าน SG&Aขยายตัวน้อยกว่ารายได้ที่เพิ่มขึ้นทำให้ Cost to income ratioปรับตัวลงมาสู่ 11.3% จาก 11.4% ในปีก่อน อย่างไรก็ดีในไตรมาสนี้มีการขาดทุนจากบริษัทร่วม นั่นก็คือ Red lobsterที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโคสิดที่ทำให้ทุกร้านในสหรัฐปิดทำการเพื่อการล็อคดาว์นและอัตราแลกเปลี่ยน จึงเป็นส่วนที่ทำให้กำไรลดลง ทั้งนี้สภาพคล่องของบริษัทยังคงแข็งแกร่ง ภาระดอกเบี้ยลดลง มี IBD/Eลดลงต่อเนื่องที่ 1.05 เท่า จากปีก่อนที่ 1.36 เท่า
สำหรับแนวโน้ม 2Q63 เราให้ภาพที่ค่อนข้างทรงตัวจากไตรมาสแรก เพราะยังคงมีผลกระทบจากโควิดอยู่ อย่างไรก็ดร ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันได้มากขึ้นของ TUรวมถึงราคาปลาทูน่าที่เพิ่มขึ้น 52%QoQ โดยราคาเฉลี่ยในช่วง 1Q63 อยู่ที่ 1,442 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน (กลับสู่ระดับราคาเฉลี่ยปกติ)ส่งผลให้บริษัทสามารถจัดการยอดขายและสินค้าคงเหลือได้ดีขึ้น ด้านบริษัทร่วมทุนอย่าง Red Lobsterคาดว่ายังคงขาดทนต่อเนื่องจากการปิดร้านที่ยาวนานกว่าใน 1Q63
แนะนำ “เคาะ” ครับ ทางด้านปัจจัยเทคนิค แท่งเทียนเรียงตัวทำLower Upขึ้นมาและสร้างจุดสูงกว่า ระยะสั้นแท่งเทียนสีขาวยาวผ่านยืนSMA10วันขึ้นมาเป็นสัญญาณซื้อแท่งเทียน ระหว่างวันปรับทดสอบเน้นยืน12.80 เป็นจุดพิจารณาเล่นรอบ แนวรับหลักจุดต่ำกแท่งเทียนหรือฐานราคา 12.40-12.30 แนวต้าน 13.20 ผ่านยืนเป็นสัญญาณบวกยืนยันกลับขึ้นแอ่งกระทะ คำแนะนำของ ASL กรณี “มีหุ้น” ถือ หรือซื้อเพิ่มเมื่อปรับทดสอบยืน 13.20 ได้มั่นคงเป็นBuy กรณี “ไม่มีหุ้น” ซื้อระยะสั้นเน้นยืนแนวรับ 12.80/12.30 ไม่ควรต่ำกว่า
