ห้องเม่าปีกเหล็ก

งบ MSFT, META ดีเฟ่อร์ แถมทุ่มงบ AI อีกมหาศาล

โดย พายุ
เผยแพร่ :
122 views

ฉ่ำๆ กันไปเลย! งบ MSFT, META ดีเฟ่อร์ แถมทุ่มงบ AI อีกมหาศาล

สวัสดีค่ะทุกคน! กลับมาคุยกันอีกครั้งกับเรื่องร้อนๆ ในวงการเทคโนโลยีนะคะ เมื่อคืนงบ Microsoft และ Meta ออกมาแล้ว ต้องบอกเลยว่าระเบิดระเบ้อมากกกก แถมพ่วงด้วยเงินลงทุนระดับหลายล้านล้านบาทกันต่อเนื่องค่ะ ราคาหุ้นหลังตลาดปิดนี่แสบตากันไปข้างนึงค่ะ

 

 

เบื้องหลังเงินลงทุนมหาศาล: ขุมทรัพย์รายได้ที่เติบโตเกินคาด

ก่อนที่เราจะไปดูว่าแต่ละบริษัททุ่มเงินไปกับอะไรบ้าง เราต้องเข้าใจก่อนว่าพวกเขามี "ขุมทรัพย์" ที่ใหญ่ขนาดไหนมาเป็นทุน เรื่องของรายได้จึงสำคัญมาก เพราะมันคือสิ่งที่พิสูจน์ว่ากลยุทธ์ที่วางไว้มันได้ผล และเป็นเหตุผลที่นักลงทุนพร้อมจะสนับสนุนให้พวกเขาสู้ต่อ

ฝั่งของ Microsoft นั้นโชว์ตัวเลขที่น่าประทับใจมากค่ะ ในไตรมาสล่าสุด บริษัทมีรายได้รวมสูงถึง 76,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเติบโตขึ้น 18% และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 73,900 ล้านดอลลาร์อย่างชัดเจน

ไม่ใช่แค่ขายของได้เยอะนะคะ แต่กำไรก็ดีเกินคาดเช่นกัน โดยทำกำไรสุทธิต่อหุ้นได้ถึง 3.65 ดอลลาร์ สูงกว่าที่คาดไว้ที่ 3.37 ดอลลาร์ นี่เป็นสัญญาณว่าไม่เพียงแต่ธุรกิจจะขยายตัว แต่ยังสามารถทำกำไรได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย

ทางด้าน Meta ก็ไม่น้อยหน้าค่ะ พวกเขารายงานรายได้ในไตรมาสสองที่ 47,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้เช่นกัน แต่สิ่งที่ทำให้นักลงทุนตื่นเต้นยิ่งกว่า คือการคาดการณ์รายได้สำหรับไตรมาสถัดไปว่าจะอยู่ที่ 47,500 ล้าน ถึง 50,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เลยทีเดียว

การให้ตัวเลขคาดการณ์ที่แข็งแกร่งขนาดนี้ เปรียบเสมือนการประกาศความมั่นใจว่า "การเติบโตนี้จะยังดำเนินต่อไป" ซึ่งเป็นสิ่งที่นักลงทุนอยากได้ยินที่สุด มันแสดงให้เห็นว่าธุรกิจโฆษณาที่ขับเคลื่อนด้วย AI นั้นแข็งแกร่งและมีอนาคตที่สดใส

เมื่อเห็นภาพรวมรายได้แล้ว เราจะเข้าใจเลยว่าทำไมทั้งสองบริษัทถึงกล้าทุ่มเงินลงทุนมหาศาลขนาดนี้ เพราะพวกเขามีกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งคอยสนับสนุนอยู่นั่นเองค่ะ

 

เจาะกลยุทธ์ Microsoft: ผู้สร้าง "โครงสร้างพื้นฐาน" ให้กับโลก AI

ทีนี้เรามาดูต่อว่า Microsoft นำรายได้มหาศาลนั้นไปทำอะไร การที่ราคาหุ้นของเขาจ่อทะลุ 4 ล้านล้านดอลลาร์นั้น ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่มันคือผลลัพธ์ของความเชื่อมั่นที่นักลงทุนมีต่อกลยุทธ์ที่ชัดเจนมากๆ

หัวใจของเรื่องนี้คือธุรกิจคลาวด์ที่ชื่อว่า Azure ค่ะ อยากให้ลองนึกภาพตามง่ายๆ นะคะ Azure เปรียบเสมือนการที่เราไป "เช่า" ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ขนาดยักษ์ของ Microsoft แทนที่เราจะต้องลงทุนซื้อเองทั้งหมด

บรรดาบริษัทต่างๆ ทั่วโลกก็ทำแบบนี้แหละค่ะ พวกเขาเช่าพลังการประมวลผล, พื้นที่จัดเก็บข้อมูล, และบริการอื่นๆ จาก Microsoft เพื่อใช้ขับเคลื่อนธุรกิจของตัวเอง

แล้ว AI เข้ามาเกี่ยวตรงไหน? การจะฝึกฝนและใช้งาน AI ให้ฉลาดได้นั้น ต้องใช้พลังการประมวลผลที่มหาศาลมากๆ ซึ่งบริษัทส่วนใหญ่ไม่มีทางสร้างเองไหว Azure จึงกลายเป็นคำตอบ การที่ยอดขายของ Azure เติบโตถึง 39% ในไตรมาสเดียวนั้น มันเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่า ธุรกิจทั่วโลกกำลังแห่กันไปเช่าพลังประมวลผลของ Microsoft เพื่อพัฒนาและใช้งาน AI ของตัวเอง นี่คือสิ่งที่นักลงทุนอยากเห็นค่ะ และคือการลงทุนที่จับต้องได้และสร้างรายได้กลับมาจริงๆ

ทีนี้มาดูตัวเลขการลงทุน หรือ CapEx ที่บอกว่าจะสูงกว่า 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในไตรมาสเดียว เงินก้อนนี้ไม่ได้หายไปไหนนะคะ แต่มันกำลังถูกแปรสภาพไปเป็น "โรงงานดิจิทัล" หรือ Data Center แห่งใหม่ทั่วโลก มันคือการสร้างถนน, สร้างโรงไฟฟ้า, สร้างทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อรองรับ "เศรษฐกิจ AI" ที่กำลังเติบโตแบบก้าวกระโดด Microsoft กำลังเร่งสร้างโครงสร้างพื้นฐานเหล่านี้ เพราะลูกค้ายืนต่อคิวรอใช้งานอยู่แล้ว

และผลลัพธ์ที่จับต้องได้สำหรับเราๆ ก็คือ Copilot ที่มีผู้ใช้งานกว่า 100 ล้านคนต่อเดือน คนเหล่านี้คือโปรแกรมเมอร์ที่ใช้ AI ช่วยเขียนโค้ดได้เร็วขึ้น, คือพนักงานออฟฟิศที่ให้ AI ช่วยสรุปการประชุมอันยาวเหยียด หรือร่างอีเมลฉบับร่างให้ นี่คือการที่ Microsoft นำเทคโนโลยีที่ซับซ้อนมาทำให้มันมีประโยชน์และใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่ฉลาดมากๆ

 

Meta กับการเดิมพันครั้งใหม่: พลิกเกมจากโลกเสมือนสู่สมองกลอัจฉริยะ

ข้ามมาที่ฝั่ง Meta กันบ้าง เรื่องราวของพวกเขาน่าสนใจไม่แพ้กัน เพราะมันคือการ "Pivot" หรือการปรับเปลี่ยนทิศทางครั้งสำคัญที่นักลงทุนขานรับ

เราต้องเข้าใจก่อนว่าเส้นเลือดใหญ่ของ Meta คือ "ธุรกิจโฆษณา" บน Facebook และ Instagram ยิ่งโฆษณานำเสนอได้ตรงใจผู้ใช้งานมากเท่าไหร่ Meta ก็ยิ่งมีรายได้มากขึ้นเท่านั้น และ AI ก็คือ "ส่วนผสมลับ" ที่เข้ามาทำให้โฆษณามันฉลาดขึ้นแบบก้าวกระโดด

AI จะช่วยวิเคราะห์พฤติกรรมและความสนใจของผู้คน (แน่นอนว่าเป็นข้อมูลที่ไม่ระบุตัวตน) เพื่อยิงโฆษณาที่ใช่ไปในเวลาที่เหมาะสม นี่คือเหตุผลที่คุณมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก บอกว่า AI เริ่มสร้างรายได้ที่ "มีนัยสำคัญ" แล้ว เพราะมันช่วยให้ธุรกิจหลักของเขาทรงพลังยิ่งขึ้น

จุดนี้เองที่สร้างความแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับการลงทุนใน Metaverse ค่ะ การลงทุนในแผนก Reality Labs ที่ทำเรื่องโลกเสมือนนั้น เป็นการทุ่มเงินไปกับอนาคตที่ยังมาไม่ถึงและยังพิสูจน์ตัวเองไม่ได้ มันเผาเงินไปมหาศาลในแต่ละไตรมาส (ขาดทุน 4,500 ล้านดอลลาร์ จากรายรับแค่ 370 ล้านดอลลาร์) ซึ่งเป็นสิ่งที่นักลงทุนไม่ชอบใจอย่างยิ่ง

แต่ในทางกลับกัน การลงทุนใน AI กลับเป็นการต่อยอดธุรกิจปัจจุบันที่แข็งแกร่งอยู่แล้วให้ดียิ่งขึ้นไปอีก มันสร้างรายได้กลับมาทันที นักลงทุนจึงพร้อมที่จะสนับสนุน

ดังนั้น เงินลงทุน 66,000 - 72,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2025 ของ Meta จึงเป็นการเดิมพันสองขา ขาหนึ่งคือการทำให้ธุรกิจโฆษณาทรงพลังขึ้นไปอีก และอีกขาหนึ่งคือการไล่ตามเป้าหมายที่ใหญ่กว่า นั่นคือการสร้าง "ปัญญาประดิษฐ์ระดับเหนือมนุษย์" (Meta Superintelligence) เพื่อนำไปใช้กับทุกผลิตภัณฑ์ในเครือต่อไปในอนาคต

 

ภาพใหญ่: สงครามสามก๊ก และผลกระทบต่อพวกเราทุกคน

เมื่อเราถอยออกมาดูภาพที่ใหญ่ขึ้น เราจะเห็นว่านี่ไม่ใช่แค่เรื่องของ Microsoft กับ Meta แต่ยังมี Alphabet (Google) ที่ประกาศทุ่มงบลงทุนสูงถึง 85,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2025 อีกราย การที่ผู้เล่นรายใหญ่ที่สุด 3 เจ้าในตลาด พร้อมใจกันเทเงินลงทุนมหาศาลไปในทิศทางเดียวกัน มันยืนยันว่านี่ไม่ใช่แค่กระแส แต่คือการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีทั้งระบบ

คำพูดของนักวิเคราะห์ที่ว่า "การแข่งขันครั้งนี้เร็วกว่าที่เคยเป็นมา เพราะ AI ช่วยเร่งสปีดการพัฒนาตัวมันเอง" เป็นประเด็นที่ลึกซึ้งมากค่ะ มันหมายความว่า AI ที่พวกเขาสร้างขึ้นในวันนี้ จะกลายเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้พวกเขาสร้าง AI ที่เก่งกว่าเดิมได้ในวันพรุ่งนี้ มันคือวงจรการเติบโตแบบทบต้นทบดอกที่น่าทึ่งและน่ากลัวในเวลาเดียวกัน

แล้วทั้งหมดนี้มันสำคัญกับเราอย่างไร? สงครามการทุ่มเงินของยักษ์ใหญ่เหล่านี้ จะส่งผลโดยตรงต่อชีวิตดิจิทัลของเราทุกคนค่ะ เราจะได้ใช้เครื่องมือ AI ที่ฉลาดขึ้น เก่งขึ้น ในราคาที่ถูกลงหรืออาจจะฟรีด้วยซ้ำ แอปพลิเคชันต่างๆ ที่เราใช้จะรู้ใจเรามากขึ้น การทำงาน การเรียนรู้ หรือแม้กระทั่งการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะจะเปลี่ยนรูปแบบไปอย่างสิ้นเชิง

นี่คือภาพของอนาคตที่กำลังถูกสถาปนิกอย่าง Microsoft, Meta และ Google สร้างขึ้นด้วยเงินทุนหลายล้านล้านบาท และเราทุกคนก็กำลังจะได้เป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงครั้งประวัติศาสตร์นี้ค่ะ

 

Amazon กับ Apple คืนนี้หลังตลาดปิด ไปลุ้นกันที่ Amazon ละกันค่ะ ส่วน Apple คงทรงๆ ไม่หวือหวาค่ะ

 

 

เนื้อหาที่มาจาก.. เพจ Beauty Investor


พายุ