ห้องเม่าปีกเหล็ก

ข่าวเด่นประจำสัปดาห์ที่ผ่านมา

โดย ROE
เผยแพร่ :
68 views

ข่าวเด่นประจำสัปดาห์ที่ผ่านมา

  • เริ่มต้นกันที่ “การปรับการคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลก” ในปี 2562 และ 2563 ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ว่าจะมีการขยายตัว 3.5% และ 3.6% ตามลำดับ ซึ่งต่ำกว่าที่เคยคาดการณ์เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว จากเดิม 3.7% ทั้งสองปี นอกจากนั้น ยังแบ่งแยกตามภูมิภาค โดยให้อัตราการขยายตัวของกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วมีการขยายตัว 2% สำหรับปี 2562 และ 1.7% สำหรับปี 2563 ส่วนกลุ่มประเทศ Emerging Market จะมีการขยายตัว 4.5% ในปี 2562 และ 4.9% ในปี 2563 และนี่ถือเป็นการปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวเศรษฐกิจโลกของ IMF เป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 3 เดือนที่ผ่านมา

 

  • ต่อกันที่ “ความคืบหน้าการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน” ซึ่งจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 30 – 31 มกราคม 2562 ล่าสุดนายวิลเบอร์ รอสส์ รมว.พาณิชย์สหรัฐ ได้กล่าวว่า “การบรรลุข้อตกลงทั้งสองฝ่ายอย่างห่างกันเป็นไมล์ๆ” ด้วยเหตุผลที่ว่า (1) สหรัฐยังขาดดุลการค้ากับจีนอยู่มาก (2) จีนมีแผนที่จะครอบครองตลาดอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงภายในปี 2052 และ (3) สหรัฐต้องการให้จีนเปิดโอกาสให้บริษัทสหรัฐเข้าทำตลาดได้อย่างเสรีและเท่าเทียม อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์หลายแห่งมีความเห็นว่า หากการเจรจาครั้งนี้เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น อาจจะทำให้สหรัฐยอมผ่อนปรนการปรับอัตราภาษีที่มีกำหนดวันที่ 31 มีนาคม ปีนี้ออกไปก่อน

 

  • “หน่วยงานของสหรัฐยังถูก Shutdown ติดต่อกันเป็นวันที่ 35” หลังจากที่วุฒิสภาสหรัฐคว่ำร่างกฎหมายงบประมาณทั้ง 2 ฉบับ ทำให้หน่วยงานภาครัฐของสหรัฐ ยังคงถูกปิดต่อเนื่องเป็นวันที่ 35 ซึ่งเป็นระยะเวลาที่นานที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยร่างกฎหมายงบประมาณจำนวน 2 ฉบับ มีฉบับหนึ่งที่รวมงบประมาณการสร้างกำแพงกั้นพรมแดนระหว่างสหรัฐและเม็กซิโกด้วย ทำให้ความหวังในการสร้างกำแพงของ ปธน. ทรัมป์ เพื่อป้องกันปัญหาการอพยพยังห่างไกลจากความเป็นจริง

 

  • “ECB ยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 0” โดยธนาคารกลางยุโรป หรือ ECB ได้ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ในระดับร้อยละ 0 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ไปจนถึงอย่างน้อยช่วงฤดูร้อนของปีนี้ เนื่องจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของบางประเทศในกลุ่ม การคงอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว ทำให้ตลาดหุ้นในกลุ่มยุโรปมีความผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ECB ยังคงดำเนินการ ตามที่ประกาศยุติโครงการเข้าซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ตั้งแต่เดือนธันวาคมของปีที่แล้ว

 

  • “BREXIT ยังมีความเสี่ยงต่อไป” หลังจากแผนการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรปหรือ EU ของนายกรัฐมนตรีเทราซ่า เมย์ ได้ถูกคว่ำลง ทำให้ต้องเสนอแผนใหม่ในเร็วๆ นี้ เป็นผลให้การแยกตัวของอังกฤษ ยังมีความเสี่ยงต่อไป ซึ่งอาจมีผลให้การแยกตัวออกจาก EU ของอังกฤษ จะไม่มีข้อตกลงใดๆ กับ EU (No Deal)อย่างไรก็ตาม ผู้ว่าการธนาคารกลางของอังกฤษ (BOE) ได้กล่าวว่า ธนาคารพาณิชย์ในอังกฤษได้มีความเตรียมพร้อมหลังจากการแยกตัวเรียบร้อยแล้ว แม้ว่าอังกฤษจะมีหรือไม่มีข้อตกลงกับ EU ก็ตาม

 

  • “ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มเล็กน้อย” ผลจากการที่รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศยกเลิกการนำเข้าน้ำมันจากประเทศเวเนซุเอล่า มีผลทำให้ราคาน้ำมันได้ปรับตัวสูงขึ้นไปด้วย เนื่องจากคุณภาพน้ำมันดิบของเวเนซูเอล่า ไม่สามารถหาแหล่งน้ำมันอื่นมาทดแทนได้ อย่างไรก็ตาม สหรัฐได้ประกาศตัวเล็กสต็อคน้ำมันดิบสูงกว่าคาดการณ์มาก มีผลให้ฉุดราคาน้ำมันไม่ให้ไปไหนไกล

 

  • “ราคาทองคำปรับตัวปิดลบหลังเงินดอลล์สหรัฐแข็งตัว” สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปรับตัวลงเล็กน้อย หลังจากที่เงินดอลล์แข็งตัวเพิ่มขึ้น อันเนื่องมาจากเศรษฐกิจของสหรัฐที่แข็งแรง อีกทั้งตัวเลขการจ้างงานดีขึ้นเป็นประวัติการ หนุนให้นักลงทุนขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ไปสินทรัพย์อื่นที่มีความเสี่ยงมากขึ้น

 

  • “กกต. ประกาศวันเลือกตั้งหลัง พ.ร.ฎ. การเลือกตั้งได้ประกาศใช้” คณะกรรมการการเลือกตั้งหรือ กกต. ได้ประกาศวันเลือกตั้งเป็นวันที่ 24 มี.ค. 62 โดยประกาศหลังจากที่พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ประกาศใช้ ส่งผลให้ภาพรวมการลงทุนดียิ่งขึ้น โดยโบรกเกอร์หลายแห่งได้เชียร์ให้ซื้อหุ้นที่ได้รับอานิสงค์จากการเลือกตั้ง เข่น หุ้นกลุ่มการบริโภคภายในประเทศ และกลุ่มอาหารเป็นต้น

 

  • “ประกาศแผน PDP ส่งผลให้หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าคึกคัก” หลังจากที่คณะกรรมการพลังงานแห่งชาติ หรือ กพช. โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ได้มีมติเห็นชอบแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของไทย ระหว่างปี 2561 – 2568 (PDP 2018) โดยสาระสำคัญจะเห็นได้ว่า มีการปรับแผนการผลิตไฟฟ้าให้ผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนมีส่วนร่วมในการผลิตไฟฟ้ามากขึ้น อีกทั้งขยายอายุสัญญาสำหรับผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายเล็กเดิม (SPP) ทำให้ส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า เช่น GLOW, BGRIM, EGCO เป็นต้น

 

ที่มา:  (1) หลักทรัพย์จัดการกองทุนกรุงไทย  และ  (2) ศูนย์วิจัยหลักทรัพย์กสิกรไทย

 


ROE