ห้องเม่าปีกเหล็ก

เริ่มแล้ว!! สกัดเงินร้อน

โดย 98 Degree
เผยแพร่ :
65 views

เริ่มแล้ว!! สกัดเงินร้อน ธปท.ลดวงเงินออกบอนด์ระยะสั้น 2 หมื่นล้าน

 

ธปท.สกัดเงินร้อน หลังบาทแข็งต่อเนื่อง ลดวงเงินออกพันธบัตรระยะสั้นไม่เกิน 1 ปี ประมูลเดือนก.ค.รวม 2 หมื่นล้านบาท  

               ศูนย์วิจัยกสิกรไทยรายงานว่า จากการตรวจสอบรายละเอียดตารางการประมูลตราสารหนี้ ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ปรับปรุงล่าสุดเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2562 พบว่า ธปท.ปรับลดวงเงินการออกพันธบัตรระยะสั้นอายุไม่เกิน 1 ปี รวม 2 หมื่นล้านบาท สำหรับตารางประมูลพันธบัตรประจำเดือน ซึ่งจะมีผลตั้งแต่ 1 กรกฎาคม 2562 เป็นต้นไป ซึ่งแม้จะไม่มีการประกาศโดยตรงว่า การดำเนินการดังกล่าวเป็นมาตรการดูแลค่าเงินบาท แต่คงต้องยอมรับว่า ในช่วงก่อนหน้านี้ (ตั้งแต่ปี 2560) ธปท. เคยใช้การลดวงเงินการออกพันธบัตรระยะสั้น มาเป็นเครื่องมือช่วยชะลอกระแสเงินทุนไหลเข้า และ/หรือลดแรงจูงใจไม่ให้นักลงทุนต่างชาติใช้พันธบัตรระยะสั้นของไทยเป็นที่พักเงินในช่วงเวลาที่ตลาดเงิน-ตลาดทุนโลกมีความผันผวน

 

 

ทั้งนี้ วงเงินประมูลพันธบัตรระยะสั้นของธปท.จะปรับลดลงในเดือนกรกฎาคม 2562 ทั้งในส่วนของพันธบัตรธปท. อายุ 3 เดือน พันธบัตรอายุ 6 เดือน และพันธบัตรอายุ 1 ปี โดยวงเงินการออกพันธบัตรธปท. ระยะสั้น 3 เดือน และพันธบัตรระยะ 6 เดือน ลดลงประเภทละ 5,000 ล้านบาทต่อสัปดาห์ ขณะที่วงเงินการออกพันธบัตรธปท. อายุ 1 ปี ลดลง 10,000 ล้านบาทในเดือนก.ค. 2562

 

 

ทั้งนี้ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า แม้การปรับลดวงเงินการออกพันธบัตรระยะสั้น มักจะเป็นเครื่องมือแรกๆ ที่ธปท. นำมาใช้เพื่อช่วยชะลอกระแสเงินทุนไหลเข้าระยะสั้น แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า ผลสุทธิที่มีต่อทิศทางการเคลื่อนย้ายเงินทุนในภาพรวมของนักลงทุนต่างชาติ ยังคงขึ้นอยู่กับอีกหลายปัจจัย โดยเฉพาะมุมมองต่อแนวโน้มของค่าเงินดอลลาร์ฯ เมื่อมองไปข้างหน้า ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ปัจจัยสำคัญที่ยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิดในระยะใกล้ๆ นี้ ยังเป็นเรื่องการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ซึ่งจะมีผลกระทบต่อเนื่องไปยังแนวโน้มเศรษฐกิจ ทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) รวมไปถึงภาพรวมการเคลื่อนไหวของค่าเงินดอลลาร์ฯ

 

“เบื้องต้นศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า การปรับลดวงเงินการออกพันธบัตรธปท. ระยะสั้น อาจเป็นหนึ่งในการดำเนินการในชั้นแรกเพื่อดูแลประเด็นค่าเงินบาท ขณะที่คาดว่า ธปท. น่าจะติดตามทิศทางเงินทุนเคลื่อนย้ายระยะสั้น และผลกระทบต่อทิศทางเงินบาทอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินความจำเป็นของการออกมาตรการที่มีความเหมาะสมต่อไปในระยะข้างหน้า ขณะที่ การแข็งค่าของเงินบาทสูงสุดในรอบ 6 ปี ครั้งใหม่ที่ระดับ 30.52 บาทต่อดอลลาร์ฯ”

 

 

 

ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก


98 Degree