ห้องเม่าปีกเหล็ก

BA ผวาถูกยกเลิกสัญญาเช่า Safety Zone สนามบินสมุย จับตากระทบรายได้หรือไม่ ?

โดย Financial Investor
เผยแพร่ :
73 views
 


      BA ราคาทำนิวโลว์รอบ 4 เดือน หวั่นถูกยกเลิกสัญญาเช่าที่ Safety Zone สนามบินสมุย จับตากระทบการดำเนินงานหรือไม่ หลังบริษัทฯ ยืนยันไม่เกี่ยวข้องกับการขึ้น-ลงของเครื่องบิน แต่นักวิเคราะห์ โนมูระพัฒนสิน มองหากผิด พ.ร.บ. การเดินอากาศ และต้องปรับการดำเนินงาน อาจกระทบต่อปริมาณการขึ้น-ลงเครื่องบินของสนามบินสมุย ซึ่งเป็นรายได้หลักของ BA และ กองทุน SPF

 

  ราคาหุ้น บมจ.การบินกรุงเทพ ( BA) เปิดการซื้อขายในแดนลบ หลังเจอข่าวร้ายมาเขย่าราคาหุ้น โดยราคาหุ้นปิดการซื้อขายภาคเช้าที่ระดับต่ำสุด 21.30 บาท นิวโลว์รอบ 4 เดือน ด้วยมูลค่าการซื้อขายราว 138 ล้านบาท


  บมจ.การบินกรุงเทพ ก่อตั้งโดย นายแพทย์ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ เป็นเจ้าของ "สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส" มีสนามบินแห่งแรกที่เกาะสมุย เปิดบริการตั้งแต่ปี 2532 ต่อมาปี 2541 เปิดสนามบิน แห่งที่สองคือ สนามบินสุโขทัย และเข้าตลาดหุ้นเมื่อวันที่ 3 พ.ย.2557 ราคาไอพีโอ 25 บาท ปัจจุบันมีฝูงบิน 34 ลำ ถือหุ้นใหญ่โดยกลุ่ม "ปราสาททองโอสถ"


  BA ทำกำไรเติบโตก้าวกระโดดต่อเนื่อง หลังจากเข้าระดมทุนใน SET เมื่อปลายปี 57 ซึ่งในปีนั้นมีกำไรสุทธิเพียง 351 ล้านบาท ก่อนพุ่งแตะ 1.8 พันล้านบาทในปี 58 และทะลุ 2 พันล้านบาทแล้ว ในงวด 9 เดือนปี 59 


  สวนทางกับราคาหุ้นที่เข้าเทรดวันแรกเปิดและปิดต่ำกว่าราคาจอง โดย BA เพิ่งจะยืนเหนือจองเป็นครั้งแรกที่ 25.25 บาท เมื่อเดือน ม.ค.59 และขึ้นไปทำ high ที่ 27.50 บาทในเดือน เม.ย. 59 หลังจากนั้นราคาหุ้นก็เคลื่อนไหวต่ำกว่าจองเป็นส่วนใหญ่ และเพิ่งทำจุดต่ำสุดใหม่ในรอบ 4 เดือน 


  ก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน BA เพิ่งเผชิญข่าวลบคือ "รัฐขึ้นภาษีน้ำมันเครื่องบิน" จาก 20 สตางค์ เป็น 4 บาท ซึ่งบริษัทฯ เคลียร์ปัญหานี้ไปแล้วด้วยการผลักภาระ ขึ้นค่าตั๋วโดยสาร 200 บาท มีผลตั้งแต่วันที่ 8 ก.พ. นี้ แต่ล่าสุดกลับเจอมรสุมระลอกใหม่ "ปัญหาที่ดินสนามบินสมุย" ที่ถูกระบุว่าทับซ้อนพื้นที่สาธารณะ และทางการเตรียมยกเลิกสัญญาเช่าที่ BA ภายใน 30 วัน


  คำถามคือ ข่าวดังกล่าวจะกระทบกับ BA มากน้อยแค่ไหน ซึ่งหากดูจากที่บริษัทฯ ชี้แจงตลาดหลักทรัพย์ ยืนยันว่าไม่กระทบกับ Runway และการขึ้นลงของเครื่องบิน เพราะเป็นพื้นที่ Safety Zone ที่ห้ามมีสิ่งก่อสร้างกีดขวาง พร้อมยืนยันทุกอย่างทำถูกต้องตามกฎหมาย และพร้อมให้รัฐเข้าตรวจสอบ


  ในช่วงเช้าที่ผ่านมา BA ชี้แจงต่อตลาดหลักทรัพย์ ถึงกรณีสนามบินสมุยดังนี้


  (1) สนามบินสมุย เปิดบริการมาตั้งแต่ปี 2532 โดยก่อนจะดำเนินการก่อสร้างบริษัทฯได้นำส่งเอกสารสิทธิไปยังกรมการบินพาณิชย์ (ชื่อเรียกในขณะนั้น) เพื่อตรวจสอบ และออกใบอนุญาตให้บริษัทฯ ดำเนินการก่อสร้างได้ 


  (2) ในปี 2542 บริษัทฯ ได้เช่าที่ดินราชพัสดุจากกรมธนารักษ์ เพื่อใช้เป็นพื้นที่เขตความปลอดภัยตาม พ.ร.บ.การเดินอากาศ พ.ศ.2497 เพิ่มเติมจากเขตความปลอดภัยเดิมที่มีอยู่ โดยที่ดินราชพัสดุที่เช่าไม่ได้อยู่ หรือเกี่ยวข้องกับบริเวณที่ตั้งรันเวย์และเขตขอบทางวิ่ง ไม่มีแนวเขตติดกับที่ดินของบริษัทฯ และมีลำคลองกั้นอยู่


  (3) กรณีที่ ปปช.ชี้มูลว่า มีการออกโฉนดที่ดินบริเวณพรุบางรักษ์คลาดเคลื่อนนั้น BA ยืนยันว่าได้นำเอกสารสิทธิ์ น.ส.3 และ น.ส.3 ก. ที่ซื้อมาจากเจ้าของที่ดินเดิม ไปขอออกเป็นโฉนดที่ดิน ซึ่งบริษัทได้ดำเนินการถูกต้องตามระเบียบราชการ 


  ขณะที่มุมมองจากนักวิเคราะห์ มีความเห็นแตกต่างกัน ทั้งที่มองว่ามีโอกาสสูงที่ BA จะถูกยกเลิกสัญญา ซึ่งจะกระทบต่อผลประกอบการอย่างมีนัยสำคัญ และบางค่ายเชื่อว่าประเด็นดังกล่าวจะไม่กระทบต่อผลการดำเนินงานของบริษัทฯ


  บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุว่า เรามีมุมมอง Negative ต่อหุ้น BA เนื่องจากทำให้มีความเป็นไปได้สูงขึ้นที่ BA อาจจะต้องยกเลิกสัญญาเช่าที่ดินซึ่งเป็นเขตความปลอดภัยบริเวณปลายรันเวย์ท่าอากาศยานนานาชาติสมุย ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติตาม พ.ร.บ.การเดินอากาศ พ.ศ.2497 และอาจทำให้ BA ต้องมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินงานท่าอากาศยานนานาชาติสมุย ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อปริมาณการบินขึ้น-ลงของเครื่องบินที่ท่าอากาศยานนานาชาติสมุยได้ โดย 80% ของรายได้รวมของ BA นั้นเกิดจากรายได้ค่าโดยสารการบิน และกว่า 50% ของรายได้ค่าโดยสารการบินของ BA นั้นเกิดจากเที่ยวบินเข้า-ออกที่ท่าอากาศยานนานาชาติสมุย 


  นอกจากนี้ อาจส่งผลไปถึงกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์สนามบินสมุย (SPF) ซึ่ง BA มีสัดส่วนการถือหุ้น 30% เนื่องจากมีรายได้หลักจากค่าธรรมเนียมขึ้น-ลงเครื่องบินที่สนามบินสมุยและค่าธรรมเนียมผู้โดยสารเข้า-ออกสนามบินสมุยซึ่งขึ้นอยู่กับปริมาณการบินขึ้น-ลงของเครื่องบินด้วย


  ยังคงคำแนะนำ “ชะลอการลงทุน” หุ้น BA เนื่องจากหากต้องยกเลิกสัญญาเช่ากับกรมธนารักษ์อาจส่งผลต่อผลการดำเนินงานของ BA อย่างมีนัยสำคัญ โดยเราประเมินราคาเป้าหมายหุ้น BA เท่ากับ 26.60 บาท (Sum of the parts)


  ด้าน บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ระบุว่า ได้สอบถามไปยัง BA แล้ว ทางบริษัทยืนยันว่าที่ผ่านมาได้ดำเนินการอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ส่วนในกรณีที่แย่ที่สุด ผลกระทบจากการถูกกล่าวหาบุกรุกที่ดินสาธารณะก็ไม่มาก เนื่องจากพื้นที่ที่ถูกกล่าวหาเป็นส่วนการถมคลองที่ยังไม่ได้ใช้ในการดำเนินงาน และเป็นพื้นที่ที่ไม่เกี่ยวข้องกับรันเวย์ ทำให้ SPF จะไม่ได้รับผลกระทบใดๆ 


  ฝ่ายวิจัยฯ จึงแนะนำซื้อ SPF (ราคาพื้นฐาน 26 บาท คาด Dividend Yield ปี 60 เท่ากับ 6.6%) โดย SPF มีความเสี่ยงจากกรณีนี้ต่ำกว่า BA โดยเปรียบเทียบ 


  สำหรับ BA แนะนำทยอยซื้อสะสมเพื่อลงทุน (ราคาเป้าหมายปัจจุบันอยู่ที่ 30.90 บาท) ทั้งนี้คาดการณ์ว่าผลกระทบต่องบการเงินบริษัทจากกรณีนี้จะไม่มาก 


  ขณะที่ บล.เคทีบี และ บล.เออีซี เห็นตรงกันว่า ข่าวร้ายดังกล่าวจะไม่กระทบการดำเนินงานของ BA พร้อมระบุว่าหากราคาหุ้นปรับลง เป็นโอกาสในการเข้าซื้อ โดยราคาเป้าหมายเฉลี่ยของ Consensus อยู่ที่ราว 28 บาท 


  บล.เคทีบี ระบุว่า BA เชื่อว่าการคืนพื้นที่ดังกล่าวให้เป็นพื้นที่สาธารณะจึงไม่มีผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ อย่างไรก็ตาม กระแสข่าวที่ออกมาตามสื่อต่างๆ อาจสร้างความสับสน และอาจมีผลกระทบเชิงลบต่อ sentiment หุ้น BA ได้ 


  นอกจากนั้น ระยะสั้น BA ยังมีปัจจัยกดดันจากผลการดำเนินงาน 4Q16 ที่คาดว่ายังไม่สดใสนัก ดังนั้น เราคาดว่าราคาหุ้น BA ในระยะสั้นอาจยัง underperform เมื่อเทียบกับ SET แต่หากราคาหุ้นปรับตัวลดลงแรงจากข่าวดังกล่าว เรายังมองเป็นโอกาสในการเข้า ซื้อ โดยเราประเมินราคาเป้าหมาย BA ที่ 25 บาท


  บล.เออีซี ระบุ แม้ราคาหุ้น BA ลงมาสะท้อนความกังวลข่าวร้าย แต่เมื่อตรวจสอบกับบริษัทพบว่าไม่ได้กระทบต่อผลการดำเนินงานแต่อย่างใด ส่งผลให้เรายังมั่นใจในศักยภาพการทำกำไรที่โตสดใส อีกทั้งมี Upside 45.5% จากราคาเป้าหมายใหม่ปี 2560 ที่ 31 บาท (เพิ่มขึ้นจากเดิม 28.5 บาท ด้วยวิธี SOTP) และคาดมีเงินปันผลจ่ายจากกำไรช่วง 2H59 ที่หุ้นละ 0.58 บาท คิดเป็น Div. Yield 2.7% จึงคงแนะนำ “ซื้อ” 


  ข้อมูล Consensus (www.settrade.com) ให้ราคาเป้าหมาย BA เฉลี่ย 27.98 บาท

 

  เมื่อมีความเห็นใน 2 มุมมอง และเรื่องนี้ยังไม่มีข้อสรุปที่แท้จริง ว่าสุดท้ายแล้วจะกระทบต่อผลการดำเนินงานของ BA หรือไม่ ก็ยังต้องนับว่าเป็นความเสี่ยงที่นักลงทุนต้องติดตามความคืบหน้าอย่างใกล้ชิด ก่อนตัดสินใจลงทุน เพราะตราบใดที่ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน ก็คงยากที่ราคาจะกลับไปยืนเหนือไอพีโออีกครั้ง


Financial Investor