Google ทะลุ $3 ล้านล้าน!
เข้าร่วม “Tech Trillion Club” อย่างเป็นทางการ
เคียงข้าง Apple, Microsoft และ Nvidia
Alphabet (GOOGL) กลายเป็นบริษัทที่ 4 ของโลก
ที่มูลค่าทะลุ $3 Trillion หลังราคาหุ้นพุ่งรับ 3 ปัจจัยใหญ่:
...

1. Google Q2/2025: Cloud โตแรง + Search เปลี่ยนเกมด้วย AI
Alphabet รายงานผลประกอบการไตรมาส 2/2025 ที่ทำให้ตลาดเริ่ม “ตีราคาใหม่” ให้ Google
โดยเฉพาะสองขาธุรกิจหลักที่เปลี่ยนไปด้วยพลังของ Gemini และ AI Overviews
Google Cloud: โต +32% ท่ามกลางกระแส AI
ในยุคที่ทุกบริษัทต้องการพลังประมวลผลมหาศาลเพื่อรองรับ AI
Google Cloud กลายเป็นหนึ่งในตัวเลือกหลักขององค์กรระดับโลก
รายได้พุ่งแตะ $13.62B (+32%)
Backlog เพิ่มขึ้น +38% YoY → ล็อกรายได้ล่วงหน้ามาเต็ม
ดีลระดับพันล้าน → ทำได้ “เท่าทั้งปี 2024” ภายใน 6 เดือนแรกของปีนี้
ดีล $250M เพิ่มขึ้น 2 เท่า เทียบ Q2/2024
ลงทุนเพิ่ม $10B ในโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับ hyperscale demand
ลูกค้าองค์กรกว่า 85,000 ราย ใช้งาน Gemini แล้ว
→ เพิ่มขึ้นถึง 35 เท่า เทียบกับปีที่แล้ว!
Google Search: AI Overviews ทำให้ “คนค้นมากขึ้น”
ไม่ใช่แค่ Ads... Google ใช้ AI เปลี่ยนประสบการณ์ “ค้นหาข้อมูล” ของคนทั่วโลก
ฟีเจอร์ AI Overviews → ช่วยเพิ่มจำนวนการค้นหามากกว่า 10%
รายได้จาก Search โต +12% เทียบปีก่อน
แสดงให้เห็นว่า AI ไม่ได้มา “ฆ่า Search” แต่มา “เพิ่ม Demand” ให้คนถามมากขึ้น
Cloud โตแบบ “ขายจริง + มีดีลล่วงหน้า”
Search โตแบบ “คนใช้มากขึ้นจริง”
และ AI ที่เคยเป็นข้อสงสัย… ตอนนี้เริ่มพิสูจน์ผลลัพธ์ได้แล้ว
ถ้าเทียบกับ Big Tech อื่น
Google กลายเป็น “บริษัทที่ตีทุน AI แล้วเริ่มคืนกำไรเร็วที่สุด”
เพราะมี Search เป็น Engine, มี Cloud รองรับ Infra, และ Gemini เป็น Layer บนสุด
..
2. ศาลสหรัฐฯ มีแนวโน้ม “เข้าข้าง Google” ในคดีผูกขาด Search บนมือถือ
หนึ่งในคดีสำคัญที่กระทบภาพลักษณ์และโอกาสเติบโตของ Alphabet คือ
การถูกกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ (DOJ) และหลายรัฐ ฟ้องร้องเรื่องการผูกขาด (antitrust)
ประเด็นหลักของคดี:
Google ถูกกล่าวหาว่า
ใช้ เงินจำนวนหลายพันล้านดอลลาร์ต่อปี เพื่อ “ล็อก” ตัวเองให้เป็น Search Engine เริ่มต้น (default) บนอุปกรณ์ iPhone, Android และเบราว์เซอร์อื่น ๆ
โดยเฉพาะ Chrome ซึ่งครองส่วนแบ่งเบราว์เซอร์บนมือถือสูงมาก → ถูกกล่าวหาว่า "ล็อกระบบ" โดยไม่ได้ให้ทางเลือกที่แท้จริงกับผู้ใช้
แต่ศาลเริ่ม “ตั้งคำถาม” กับข้อกล่าวหานั้น
รายงานจากวงในการไต่สวนช่วงกลางปี 2025 ระบุว่า:
ศาลมองว่า "การที่ผู้ใช้ยังคงเลือกใช้ Google แม้มีตัวเลือกอื่นอยู่แล้ว" แสดงว่า
Google ไม่ได้บังคับ แต่แข่งขันในด้านคุณภาพของบริการจริง
เบราว์เซอร์อย่าง Safari, Firefox, DuckDuckGo ต่างมี default ของตัวเอง
และ ผู้ใช้สามารถเปลี่ยนได้เสมอ แต่ส่วนใหญ่ยัง “กลับมาเลือก Google”
การจ่ายเงินให้ Apple หรือ Samsung เพื่อเป็น default
อาจถือเป็นการตลาดแบบ B2B ปกติ มากกว่าเป็นการผูกขาดที่ทำให้ผู้บริโภคเสียประโยชน์
ถ้า Google “รอดทั้ง 2 คดี” จะเกิดอะไร?
คดี DOJ ว่าด้วย Search Default บนอุปกรณ์ต่าง ๆ
คดีผูกขาดบน Chrome และ Android
หาก Google รอดทั้ง 2 คดี:
→ ไม่ต้องปรับเปลี่ยนโมเดลธุรกิจ Search & Ads
→ ไม่ต้องถูกบังคับให้ขายทรัพย์สิน หรือ spin-off สินทรัพย์หลัก
→ Sentiment เชิงบวกต่อราคาหุ้นจะชัดเจนมาก เพราะความเสี่ยงเชิงกฎหมายถูกคลาย
คดี Antitrust คือ “กับดัก” ที่หลายบริษัทเทคใหญ่ตกลงไป
แต่ในกรณีของ Google… ถ้าพ้นมาได้ จะไม่ใช่แค่เรื่องชนะคดี
แต่มันคือ “การคงไว้ซึ่งคูเมืองของ Search” ในยุคที่ AI เริ่มเข้ามาเปลี่ยนเกม
และถ้าศาลยืนยันว่า Search Default ไม่ใช่การผูกขาด
Google จะยังคงเป็นประตูหลักของอินเทอร์เน็ตโลกได้อีกนาน
...
3. Gemini & AI ที่เริ่ม "ขยับได้จริง"
โดยยังคงโครงสร้างของบทความเดิม พร้อมเพิ่มเติม Insight และความได้เปรียบเชิงกลยุทธ์แบบลึกขึ้น:
2. Gemini & AI ที่เริ่ม "ขยับได้จริง"
ปี 2024–2025 คือช่วงที่ Google ถูกจับตามองเรื่อง "ช้ากว่า" คู่แข่งในด้าน AI
แต่ใน Q2/2025 ภาพเริ่มชัดว่า Gemini ไม่ได้เป็นแค่โมเดลโชว์เคส อีกต่อไป
แต่ถูก “ฝังลึก” ลงในทุกผลิตภัณฑ์หลักของ Alphabet อย่างจริงจัง
ใน Search → Gemini กลายเป็นเบื้องหลังของฟีเจอร์ AI Overviews
ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานได้รับคำตอบแบบสรุปเร็วขึ้น จากหลายแหล่ง
และส่งผลให้ จำนวนการค้นหา (queries) เพิ่มขึ้น >10% ภายในไตรมาสเดียว
→ ตรงข้ามกับความกลัวว่า AI จะทำให้ Search usage ลดลง
ใน Workspace (Gmail, Docs, Sheets, Meet)
Gemini ถูกฝังแบบ Native = ใช้งานได้ทันทีโดยไม่ต้องเปิดเว็บแยก
กลายเป็น productivity assistant ที่ใช้งานจริงในองค์กร
→ มีลูกค้าองค์กรใช้งาน 85,000 รายแล้ว เพิ่มขึ้น 35 เท่า YoY
ใน Ads & Performance Max
Google เริ่มใช้ Gemini ในการ เขียนโฆษณา, ทดสอบ A/B, แนะนำ Keyword & Audience
ส่งผลให้ Advertisers อยู่ในระบบนานขึ้น และจ่ายมากขึ้นแบบอัตโนมัติ
ใน Cloud & Infrastructure
Gemini เป็นทั้งโมเดลที่ Google ขาย และเบื้องหลังในการให้บริการ AI Infra แก่ลูกค้าองค์กรผ่าน GCP
→ จุดต่างคือ Google ไม่ต้องเช่าโมเดลจากใคร = ต้นทุนต่ำกว่า + ควบคุมคุณภาพได้เอง
จุดแข็งเฉพาะของ Google ที่คู่แข่งไม่มี:
Google เป็นเจ้าเดียวในโลกที่...
มี Search Engine ที่คนใช้มากที่สุด
มี YouTube = พฤติกรรมภาพ+เสียงมหาศาล
มี Gmail + Android + Maps ที่สร้าง "Data Layer" จากชีวิตจริง
และสามารถใช้ทั้งหมดนั้น เทรนโมเดล AI ของตัวเอง (Gemini) ได้แบบ Full Stack
→ นี่คือสิ่งที่ OpenAI, Anthropic, หรือแม้แต่ Meta ไม่สามารถเลียนแบบได้เต็มรูปแบบ
เพราะพวกเขาไม่มี “สินทรัพย์พฤติกรรม” ระดับโลกแบบ Google
AI ของ Google อาจไม่ได้เร็วที่สุดในวันแรก
แต่ “เป็นของจริง” ที่ฝังลึก และใช้ได้ในทุกบริการที่มีฐานผู้ใช้มหาศาล
และมันกำลังเริ่มคืนทุนผ่าน Search, Cloud, Ads, และ Enterprise
นี่อาจเป็นยุคที่ Gemini ไม่ใช่ชื่อโมเดล...
แต่คือ "ระบบ AI ของโลกจริง" ที่คนใช้ทุกวัน โดยไม่รู้ตัว
...
บทสรุปสไตล์หุ้นพอร์ทระเบิด
Alphabet ไม่ใช่บริษัท AI ที่เสียงดังกว่า
แต่กำลังเป็น “บริษัทที่ AI เริ่มทำเงินจริง” เร็วกว่าหลายราย
ไตรมาส 2/2025 นี้ Google แสดงให้เห็นว่า
พวกเขาไม่ได้แค่ “มีโมเดล” แต่ใช้โมเดลเพื่อ
– เพิ่มรายได้จาก Search
– ดัน Cloud ขึ้นแบบมี Backlog
– ขยายฐานองค์กรด้วย Gemini
– และค่อย ๆ เปลี่ยน Advertising ให้ฉลาดขึ้นอย่างเงียบ ๆ
แม้ยังมีคดีผูกขาดกดดันอยู่บ้าง
แต่ทิศทางของเทคโนโลยี, เม็ดเงินโฆษณา, และโครงสร้างพื้นฐาน
กำลังกลับมาเข้าทาง Google อย่างมั่นคงอีกครั้ง
ถ้าโลกอนาคตคือยุคของ AI
Google ก็อาจเป็น “บริษัทสาธารณูปโภคของโลกดิจิทัล” ที่คนใช้ทุกวันโดยไม่รู้ตัว
ที่มาแนื้อหาจาก.. เพจ หุ้นพอร์ทระเบิด