ประโยคสั้นๆแต่กลายเป็นบ่อเกิดแห่งขุมพลังให้กับหลายๆคนในโลกนี้เกิดขึ้นเมื่อ สตีฟ จ๊อบ ไปพูดในงานจบการศึกษาที่มหาวิทยาลัย แสตนฟอร์ดเมื่อปี 2005 และถือได้ว่าเป็นสุนทรพจน์ที่ทรงพลังมากที่สุดครั้งหนึ่ง

สุนทรพจน์มีความยาวประมาณ 15 นาทีโดยสตีฟ จ๊อบได้ให้มุมมองที่เขาได้รับจากประสบการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวของเขาเองแก่นักศึกษาในวันนั้น เช่นเมื่อตอนที่เขาตัดสินใจออกจากมหาวิทยาลัยและเดินทางไปที่ประเทศอินเดียเพื่อแสวงหาความรู้และการรู้แจ้ง ซี่งจ๊อบบอกว่าเป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญและดีที่สุดของเขา ที่เป็นการให้ความสำคัญต่อการกล้าที่จะเผชิญกับความเสี่ยงเพื่อเดินทางตามเส้นทางที่ตัวเองเลือก
นอกจากนั้นเขายังพูดถึงประสบการณ์ที่เขาได้รับเมื่อต้องถูกให้ออกจากแอปเปิ้ลเมื่อปี 1985 บริษัทที่เขาเป็นผู้สร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี 1976 จ๊อบยอมรับว่ามันเป็นประสบการณ์ที่แสนเจ็บปวด แต่นั่นกลับกลายเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่เขาเคยเผชิญมาในชีวิตเช่นกัน เพราะมันทำให้เขาได้พบกับมุมมองใหม่ในการใช้ชีวิต และทำให้เขามีโอกาสได้พบกับสิ่งที่น่าสนใจรวมถึงโอกาสใหม่ๆที่เขาจะไม่ได้พบถ้ายังอยู่แบบเดิม และเมื่อจ๊อบถูกเชิญให้กลับมาอีกครั้งในปี 1997 เขาได้สร้างความตื่นตระลึงให้โลกได้เห็นอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็น iMac iPod iPhone และ iPad จ๊อบนำประสบการณ์นี้มาย้ำให้เราได้รับรู้ว่าแม้เราต้องเผชิญกับความผิดหวัง หรือล้มเหลวเพียงใดก็ตาม แต่ตราบใดที่เรายังมุ่งมั่น กัดฟันทน มันอาจจะนำพาให้เราไปสู่ความสำเร็จในอนาคตได้
เมื่อสุนทรพจน์นี้ถูกเผยแพร่ผ่านทางยูทูปก็ได้รับความนิยมอย่างสูง โดยมียอดการชมมากว่า 35 ล้านครั้งด้วยกัน นับเป็นคำกล่าววันรับปริญญาที่มีผู้ชมมากสุดตั้งแต่เคยมีมา
เนื้อหาภายในยังมีคำพูดที่กลายเป็นที่จดจำอีกหลายคำนอกจาก stay hungry, stay foolish แล้วยังมี You can't connect the dots looking forward; you can only connect them looking backwards." คุณไม่สามารถเชื่อมจุดที่คุณมีโดยมองไปที่อนาคตได้ คุณได้แต่เชื่อมมันผ่านมุมมองที่ผ่านมาเท่านั้น (ถ้ามีโอกาสเราค่อยมาคุยเรื่องนี้เพิ่มเติมกัน)
จ๊อบเป็นคนร่างและเขียนเนื้อหาในสุนทรพจน์ทั้งหมดด้วยตัวเอง เป็นความตั้งใจที่เขาต้องการที่จะสื่อสารออกมาให้ได้ทั้งใจความที่เขาต้องการจะพูดให้ได้ใจความ ตรงเป้าและกระชับสั้นที่สุด
สุนทรพจน์นี้เป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้คนมากมายในโลกใบนี้ ตั้งแต่ ผู้ประกอบการ ศิลปิน และผู้นำในแวดวงต่างๆ
ความสำเร็จไม่ได้นิยามด้วยความมั่งคั่งและชื่อเสียง อยู่อย่างกระหายและโง่เขลา หมายถึงการที่เรามีความสงสัยใคร่รู้อยู่ตลอดเวลา และยินดีที่จะเรียนรู้จากความผิดพลาด และมีความกล้าที่จะเดินตามโอกาสที่เปิดให้ กล้าที่จะทดลองสิ่งใหม่ๆ เปิดกว้างให้กับประสบการณ์และมุมมองใหม่ๆ
ในโลกที่เราให้คุณค่ากับความปลอดภัยและมั่นคง เป็นการง่ายที่ทำให้เราทำตัวสบายเกินไป จนขาดความฉงนสงสัย และขาดความคิดสร้างสรรค์ เมื่อเราโอบกอดกับความหิวกระหายและรู้สึกว่าโง่เขลาจะทำให้เราเปิดประตูไปสู่ศักยภาพที่สูงกว่าเดิม และนำพาเราไปให้พบกับชีวิตที่เต็มไปด้วยความหมาย
หลายคนคงเคยได้ยินคำว่า “อย่าเป็นน้ำที่เต็มแก้ว” แต่ “อยู่อย่างกระหายและอยู่อย่างโง่เขลา” นั้นบอกให้เราคอยหมั่นเติมน้ำใส่ในแก้วใบนี้ให้เพิ่มขึ้นอยู่ตลอดเวลา และยังบอกว่าน้ำแก้วนี้จะไม่มีวันเต็มเพราะแก้วที่รองรับน้ำที่ถูกเติมเข้ามามันจะขยายตัวออกเรื่อย ๆ เพื่อทำให้เราเติบโตขึ้น ปลดล็อคศักยภาพของเราให้สูงขึ้น และนำเราไปสู่ชีวิตที่ยิ่งใหญ่และมีความหมายในชีวิตได้มากขึ้น
ด้วยจิตคารวะ