ห้องเม่าปีกเหล็ก

อัตราแลกเปลี่ยน: ประตูสู่ความมั่งคั่ง หรือทางลัดสู่วิกฤต?

โดย OVERMoney
เผยแพร่ :
38 views

อัตราแลกเปลี่ยน: ประตูสู่ความมั่งคั่ง หรือทางลัดสู่วิกฤต?

ลองนึกภาพว่า…คุณเดินเข้าห้าง แล้วราคาสินค้าเปลี่ยนทุก ๆ ไม่กี่นาที ไม่ใช่เพราะลดราคา แต่เพราะ “ไม่มีใครตกลงกันได้ว่าเงินมีค่าแค่ไหน”

เช้านี้กาแฟอาจแพงเท่ามือถือ เย็นกลับเหลือแค่ 30 บาท

ฟังดูเป็นไปไม่ได้? แต่นี่แหละคือโลกที่ “อัตราแลกเปลี่ยน” ที่ไร้เสถียรภาพ

 

 

ค่าเงินคือ Wi-Fi ของเศรษฐกิจโลก

เหมือน Wi-Fi ที่เชื่อมโทรศัพท์เข้ากับอินเทอร์เน็ต

“อัตราแลกเปลี่ยน” ก็คือสิ่งที่เชื่อมประเทศเข้าด้วยกัน

มันทำให้...

-ประเทศไทยสามารถนำเข้าน้ำมันดิบได้

-นักท่องเที่ยวไทยแลกเงินเยนไปเที่ยวญี่ปุ่นได้

-เกษตรกรส่ง-ทุเรียนไปจีนได้

แต่เมื่อไหร่ที่ “Wi-Fi ทางเศรษฐกิจ” สะดุด ทุกอย่างก็เริ่มสร้างปัญหา

เมื่อค่าเงินทำหน้าที่ได้อย่างดี

อัตราแลกเปลี่ยนที่เสถียร = ธุรกิจมั่นใจ ลงทุนได้ ไม่ต้องกลัวค่าเงินเหวี่ยงจนขาดทุน

-โรงงานเปิดกิจการได้ราบรื่น

-บริษัทส่งออกวางแผนล่วงหน้าได้

-แรงงานมีงานที่มั่นคง

ค่าเงินควรที่จะเสถียรเพราะไม่มีใคร อยากเสี่ยง

เมื่อค่าเงินเป็นกลายเป็นปีศาจร้าย

1992 Soros ทุบค่าเงินปอนด์:

อังกฤษพยายามตรึงค่าเงินให้แข็งกว่าความจริง

สุดท้าย George Soros โจมตีค่าเงิน กำไรกว่าพันล้านดอลลาร์

รัฐบาลเสียทั้งทุนและศักดิ์ศรี

1991- 2001 กับดักเปโซของอาร์เจนตินา:

ตรึงค่าเงิน 1:1 กับดอลลาร์ ทำให้ส่งออกพัง

ทุนสำรองหมด หนี้พุ่ง พอหลุดตรึง ค่าเงินทรุด

ประชาชนสูญเงินออม เศรษฐกิจพังทลาย

1997 วิกฤตต้มยำกุ้ง:

ไทยตรึงบาทที่ 25 บาท/ดอลลาร์

ขณะหนี้ต่างประเทศบาน ทุนไหลออก ทุนสำรองหด

สุดท้ายต้องปล่อยลอยตัว เกิดวิกฤตทั่วเอเชีย

"บาทแข็ง" กับ "บาทอ่อน" ใครได้–ใครเสีย?

เงินบาทแข็ง:

-ของนำเข้า (เช่น น้ำมัน เครื่องจักร) ถูกลง

-เงินเฟ้อต่ำ

-ผู้ส่งออก-ท่องเที่ยว เจ็บหนัก รายได้หาย

เงินบาทอ่อน:

-ผู้ส่งออก และนักท่องเที่ยวต่างชาติ ได้เปรียบ

-ต้นทุนนำเข้าแพงขึ้น หนี้สกุลเงินต่างประเทศพุ่ง

สุดท้าย…ไม่ว่าจะทางไหน ย่อมคนเจ็บทั้งสิ้น

ค่าเงิน = ความรู้สึกของตลาด

อย่าลืมว่า "ค่าเงิน" ไม่ได้ขับเคลื่อนด้วยตัวเลขเท่านั้น

แต่มันสะท้อน “ความกลัว” และ “ความมั่นใจ” ของตลาดโลก

ข่าวลบ = นักลงทุนเทขายเงินบาท

ความมั่นใจกลับมา = เงินไหลเข้าอีกครั้ง

การบริหารค่าเงินจึงไม่ใช่แค่คณิตศาสตร์…แต่คือ "จิตวิทยาเศรษฐกิจ"

จากทองคำสู่การลอยตัว

สมัยก่อน เงินดอลลาร์ผูกกับทอง → ค่าเงินทั่วโลกนิ่ง

จนปี 1971 สหรัฐฯ ตัดสัมพันธ์ทองคำ = ทุกประเทศต้อง “ลอยตัวค่าเงิน” ท่ามกลางตลาดโลก

ระบบนี้ยืดหยุ่น แต่ผันผวน

ประเทศไหนบริหารดี → รอด

ประเทศไหนฝืนตรึงนานเกิน → พัง

ไม่มีค่าเงินไหน “นิ่ง” ได้ตลอด

ในโลกที่ทุกอย่างไม่คงทนถาวร…

อัตราแลกเปลี่ยนก็ไม่มีวันหยุดนิ่ง

มันขึ้นตามเศรษฐกิจ

มันลงตามความกลัว

และบางครั้ง…ก็พังเพราะข่าวลือ

 

บทสรุป

"อัตราแลกเปลี่ยน" คือทั้ง "ประตู" และ "กับดัก"

มันสามารถเปิดโอกาสให้เศรษฐกิจโต

แต่ก็พร้อมจะปิดลงทันทีถ้าบริหารพลาด

ในโลกของอัตราแลกเปลี่ยน "สิ่งที่แน่นอนคือความไม่แน่นอน"

.

เรื่องและภาพ: ธนโชติ นนทกะตระกูล Economist, Bnomics

════════════════

 

ที่มาเนื้อหา… Bnomics by Bangkok Bank


OVERMoney