อัตราแลกเปลี่ยน: ประตูสู่ความมั่งคั่ง หรือทางลัดสู่วิกฤต?
ลองนึกภาพว่า…คุณเดินเข้าห้าง แล้วราคาสินค้าเปลี่ยนทุก ๆ ไม่กี่นาที ไม่ใช่เพราะลดราคา แต่เพราะ “ไม่มีใครตกลงกันได้ว่าเงินมีค่าแค่ไหน”
เช้านี้กาแฟอาจแพงเท่ามือถือ เย็นกลับเหลือแค่ 30 บาท
ฟังดูเป็นไปไม่ได้? แต่นี่แหละคือโลกที่ “อัตราแลกเปลี่ยน” ที่ไร้เสถียรภาพ

ค่าเงินคือ Wi-Fi ของเศรษฐกิจโลก
เหมือน Wi-Fi ที่เชื่อมโทรศัพท์เข้ากับอินเทอร์เน็ต
“อัตราแลกเปลี่ยน” ก็คือสิ่งที่เชื่อมประเทศเข้าด้วยกัน
มันทำให้...
-ประเทศไทยสามารถนำเข้าน้ำมันดิบได้
-นักท่องเที่ยวไทยแลกเงินเยนไปเที่ยวญี่ปุ่นได้
-เกษตรกรส่ง-ทุเรียนไปจีนได้
แต่เมื่อไหร่ที่ “Wi-Fi ทางเศรษฐกิจ” สะดุด ทุกอย่างก็เริ่มสร้างปัญหา
เมื่อค่าเงินทำหน้าที่ได้อย่างดี
อัตราแลกเปลี่ยนที่เสถียร = ธุรกิจมั่นใจ ลงทุนได้ ไม่ต้องกลัวค่าเงินเหวี่ยงจนขาดทุน
-โรงงานเปิดกิจการได้ราบรื่น
-บริษัทส่งออกวางแผนล่วงหน้าได้
-แรงงานมีงานที่มั่นคง
ค่าเงินควรที่จะเสถียรเพราะไม่มีใคร อยากเสี่ยง
เมื่อค่าเงินเป็นกลายเป็นปีศาจร้าย
1992 Soros ทุบค่าเงินปอนด์:
อังกฤษพยายามตรึงค่าเงินให้แข็งกว่าความจริง
สุดท้าย George Soros โจมตีค่าเงิน กำไรกว่าพันล้านดอลลาร์
รัฐบาลเสียทั้งทุนและศักดิ์ศรี
1991- 2001 กับดักเปโซของอาร์เจนตินา:
ตรึงค่าเงิน 1:1 กับดอลลาร์ ทำให้ส่งออกพัง
ทุนสำรองหมด หนี้พุ่ง พอหลุดตรึง ค่าเงินทรุด
ประชาชนสูญเงินออม เศรษฐกิจพังทลาย
1997 วิกฤตต้มยำกุ้ง:
ไทยตรึงบาทที่ 25 บาท/ดอลลาร์
ขณะหนี้ต่างประเทศบาน ทุนไหลออก ทุนสำรองหด
สุดท้ายต้องปล่อยลอยตัว เกิดวิกฤตทั่วเอเชีย
"บาทแข็ง" กับ "บาทอ่อน" ใครได้–ใครเสีย?
เงินบาทแข็ง:
-ของนำเข้า (เช่น น้ำมัน เครื่องจักร) ถูกลง
-เงินเฟ้อต่ำ
-ผู้ส่งออก-ท่องเที่ยว เจ็บหนัก รายได้หาย
เงินบาทอ่อน:
-ผู้ส่งออก และนักท่องเที่ยวต่างชาติ ได้เปรียบ
-ต้นทุนนำเข้าแพงขึ้น หนี้สกุลเงินต่างประเทศพุ่ง
สุดท้าย…ไม่ว่าจะทางไหน ย่อมคนเจ็บทั้งสิ้น
ค่าเงิน = ความรู้สึกของตลาด
อย่าลืมว่า "ค่าเงิน" ไม่ได้ขับเคลื่อนด้วยตัวเลขเท่านั้น
แต่มันสะท้อน “ความกลัว” และ “ความมั่นใจ” ของตลาดโลก
ข่าวลบ = นักลงทุนเทขายเงินบาท
ความมั่นใจกลับมา = เงินไหลเข้าอีกครั้ง
การบริหารค่าเงินจึงไม่ใช่แค่คณิตศาสตร์…แต่คือ "จิตวิทยาเศรษฐกิจ"
จากทองคำสู่การลอยตัว
สมัยก่อน เงินดอลลาร์ผูกกับทอง → ค่าเงินทั่วโลกนิ่ง
จนปี 1971 สหรัฐฯ ตัดสัมพันธ์ทองคำ = ทุกประเทศต้อง “ลอยตัวค่าเงิน” ท่ามกลางตลาดโลก
ระบบนี้ยืดหยุ่น แต่ผันผวน
ประเทศไหนบริหารดี → รอด
ประเทศไหนฝืนตรึงนานเกิน → พัง
ไม่มีค่าเงินไหน “นิ่ง” ได้ตลอด
ในโลกที่ทุกอย่างไม่คงทนถาวร…
อัตราแลกเปลี่ยนก็ไม่มีวันหยุดนิ่ง
มันขึ้นตามเศรษฐกิจ
มันลงตามความกลัว
และบางครั้ง…ก็พังเพราะข่าวลือ
บทสรุป
"อัตราแลกเปลี่ยน" คือทั้ง "ประตู" และ "กับดัก"
มันสามารถเปิดโอกาสให้เศรษฐกิจโต
แต่ก็พร้อมจะปิดลงทันทีถ้าบริหารพลาด
ในโลกของอัตราแลกเปลี่ยน "สิ่งที่แน่นอนคือความไม่แน่นอน"
.
เรื่องและภาพ: ธนโชติ นนทกะตระกูล Economist, Bnomics
════════════════
ที่มาเนื้อหา… Bnomics by Bangkok Bank