ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดพุ่ง 740.58 จุด ขานรับทรัมป์เลื่อนเก็บภาษี EU

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 700 จุดในวันอังคาร (27 พ.ค.) ขานรับข่าวประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศเลื่อนการเรียกเก็บภาษีศุลกากรในอัตรา 50% จากสหภาพยุโรป (EU) นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ ที่สูงกว่าการคาดการณ์
ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 42,343.65 จุด เพิ่มขึ้น 740.58 จุด หรือ +1.78%,
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,921.54 จุด เพิ่มขึ้น 118.72 จุด หรือ +2.05%
และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,199.16 จุด เพิ่มขึ้น 461.96 จุด หรือ +2.47%
หุ้นทั้ง 11 กลุ่มในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยและหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี พุ่งขึ้น 3.04% และ 2.55% ตามลำดับ
ปธน.ทรัมป์ได้ตกลงที่จะเลื่อนกำหนดการเรียกเก็บภาษีศุลกากรในอัตรา 50% จาก EU ออกไปเป็นวันที่ 9 ก.ค. จากเดิมวันที่ 1 มิ.ย. หลังจากที่ได้พูดคุยกับเออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC)
"ผมได้รับโทรศัพท์จากเออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ซึ่งขอให้เราขยายเส้นตายการเรียกเก็บภาษีศุลกากร 50% จากสหภาพยุโรปที่กำหนดไว้ในวันที่ 1 มิ.ย. และผมได้ตกลงที่จะขยายเส้นตายออกไปเป็นวันที่ 9 ก.ค. ผมรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ทำเช่นนั้น" ปธน.ทรัมป์โพสต์ข้อความใน Truth Social เมื่อวันอาทิตย์ (25 พ.ค.)
การเลื่อนเก็บภาษีศุลกากรในอัตรา 50% จาก EU จะช่วยเปิดทางให้ทำเนียบขาวและ EU ซึ่งประกอบด้วยสมาชิก 27 ประเทศมีเวลาในการเจรจาต่อรองกันมากขึ้น โดยล่าสุดพอลา ปินโญ โฆษกหญิงของ EU เปิดเผยว่าสหรัฐฯ และ EU เห็นพ้องกันที่จะเร่งการเจรจาการค้าและติดต่อกันอย่างใกล้ชิดเพื่อหลีกเลี่ยงการทำสงครามการค้า
นักลงทุนขานรับผลสำรวจของ Conference Board ซึ่งระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐฯ พุ่งขึ้นแตะระดับ 98.0 ในเดือนพ.ค. จากระดับ 85.7 ในเดือนเม.ย. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 86.0 โดยได้แรงหนุนจากการที่สหรัฐฯ และจีนบรรลุข้อตกลงปรับลดอัตราภาษีศุลกากรเป็นการชั่วคราว ซึ่งช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากการทำสงครามการค้าระหว่างประเทศทั้งสอง ซึ่งมีระบบเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 1 และ 2 ของโลก
ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากการปรับตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ลดลงสู่ระดับ 4.449% ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 30 ปี ปรับตัวลงสู่ระดับ 4.9572%
หุ้นเทสลา (Tesla) พุ่งขึ้น 6.94% หลังจากอีลอน มัสก์ ซีอีโอของเทสลาประกาศว่าจะลดบทบาททางการเมืองและกลับมาดูแลบริษัทต่าง ๆ ของเขาซึ่งรวมถึงเทสลา โดยก่อนหน้านี้มัสก์ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักเกี่ยวกับบทบาทของเขาในกระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาล (DOGE) ซึ่งมัสก์ได้ปรับลดงบประมาณและปลดเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐบาลกลางเป็นจำนวนมาก ในขณะที่ยอดขายของเทสลาตกต่ำลง
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการรายงานล่าสุดเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป ลดลง 6.3% ในเดือนเม.ย. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 7.6% หลังจากเพิ่มขึ้น 7.6% ในเดือนมี.ค.
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยผลประกอบของบริษัทอินวิเดีย (Nvidia) และข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1/2568 (ประมาณการครั้งที่ 2) และดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนเม.ย.