
สภาวะหุ้นขนาดกลางและเล็กในช่วงนี้ดูแผ่วลง จากแรงกดดันทั้งภาพตลาดโดยรวมและสตอรี่หุ้นรายตัวที่ตลาดลดความคาดหวัง แต่ขณะเดียวกัน ฝั่งนักลงทุนสถาบันกลับมองว่ายังเป็นโอกาสที่น่ากลับเข้าลงทุน
หุ้น Mid&Small Cap ดูลดความน่าสนใจลงในระยะหลัง ภายใต้กระแสเฟดขึ้นดอกเบี้ยอาจดึงเงินไหลออก ก่อนมาถูกซ้ำเติมด้วยแรงขายหุ้น GL หรือ “กรุ๊ปลีส” ซึ่งตลาดไม่มั่นใจถึงความโปร่งใสในการทำธุรกิจ จนฉุดราคาหุ้นร่วงหนักหลายวัน ลามไปถึงหุ้นในกลุ่มอื่นๆ สร้างความสงสัยว่า นี่จะเป็นโอกาสของการกลับเข้าเลือกลงทุนในหุ้นพื้นฐานหรือยัง?
คำตอบอาจยังไม่แน่ชัด แต่ถ้าลองไปดูกำหนดการรับเงินปันผลของหุ้นหลายตัวในช่วง 1 เดือนจากนี้ (ก่อนหยุดสงกรานต์) ก็พบว่ายังน่าจะสร้างความหวังให้กับนักลงทุนไม่น้อย หรืออาจเป็นเหตุผลส่วนหนึ่งทำให้มักจะมีแรงซื้อกลับเข้ามาประคองในวันที่ตลาดเผชิญแรงขายมากๆ
ตารางกำหนดการขึ้นเครื่องหมาย XD และวันจ่ายปันผล
(ที่มา: SETSMART
(ที่มา: SETSMART)
“วิน พรหมแพทย์” ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุนของ บลจ.ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล ชี้กลับไปในช่วงก่อนหน้านี้ ราคาหุ้นในกลุ่ม Mid&Small Cap หลายตัว ซื้อขายด้วยระดับ P/E ที่สูงมาก แต่หลังจากเซ็นติเมนต์ของกลุ่มแย่ลง ทำให้ราคาหุ้นหลายตัวที่เคยซื้อขายกันในราคาสูงๆ ปรับตัวลงตามไปด้วย
คุณวินระบุว่าสถานการณ์เช่นนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งจังหวะที่ “ซีไอเอ็มบีฯ” จะกลับเข้าไปลงทุนอีกครั้ง โดยเฉพาะหุ้นที่อยู่ในเป้าหมายหลายตัว ซึ่งราคาเคยขึ้นไปสูงก่อนหน้านี้ แต่ยังต้องเน้น “Stock selection” โดยเฉพาะหุ้นพื้นฐานดี ที่ราคาซื้อขายยังไม่แพงจนเกินไป
ภายใต้สถานการณ์การลงทุนโดยรวมที่ค่อนข้างผันผวนสูงในปีนี้ คุณวินมองการเลือกหุ้นในกลุ่ม “Dividend Stock” เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ซีไอเอ็มบีฯ แนะนำ เพราะหุ้นในกลุ่มนี้จะมีความผันผวนน้อยกว่าตลาด ซึ่งเหมาะมากสำหรับผู้ลงทุนที่ไม่สามารถทนทานต่อความผันผวนสูงของตลาดได้
ด้าน “ประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์” ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุนของ บลจ.ทาลิส ยังย้ำมุมมองในเชิงบวกต่อตลาดหุ้นไทย รวมถึงหุ้นในกลุ่ม Mid&Small Cap ที่ต้องเน้น “Stock selection” เพราะเชื่อใน “Upside” ของหุ้นกลุ่มนี้จะยังไปต่อได้อีกหลายปี
คุณประภาสมองดัชนีหุ้นไทยที่ระดับปัจจุบัน น่าจะผ่าน “Bottom” ของรอบนี้ไปแล้ว เพราะมองว่าตลาดน่าจะได้สะท้อนข่าวเรื่องดอกเบี้ยเฟดไปพอสมควรแล้ว
อีกทั้งในตอนนี้ ตลาดหุ้นไทยก็ยังเป็นเพียงตลาดเดียวในภูมิภาคที่ “Underperform” โดยปัจจุบันผลตอบแทนของ SET (Year to Date) กลับมาติดลบอยู่ 0.48% (ณ วันที่ 13 มี.ค. 60) ในขณะที่ตลาดอื่นบวกได้ถึงระหว่าง 3-8% จึงมองว่าหุ้นไทยยังน่าจะเป็นเป้าหมายสำหรับผู้ลงทุน โดยเฉพาะหลังจากเฟดตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยไปแล้ว และมีเม็ดเงินที่เชื่อว่าจะไหลกลับเข้ามาลงทุนในภูมิภาคอีกครั้ง รวมถึงตลาดหุ้นไทยด้วย โดย บลจ.ทาลิส ยังคงมุมมองดัชนีหุ้นไทยในปีนี้ ว่ามีโอกาสไปถึง 1,750-1,800 จุดเลยทีเดียว
**********************************
ทีม Business & Finance , Money Channel
- ที่มา : http://www.moneychannel.co.th/