30 มกราคม 2561 -- วิเคราะห์หุ้น : TMB : บล.เอเอสแอล
TMB
1 ใน Top Pick ของกลุ่มธนาคารปีนี้
- กำไร 2017 ที่ 8.69 พันล้านบาท ต่ำกว่าที่คาดเล็กน้อย มีปัจจัยหนุนจากรายได้ค่าธรรมเนียม (+21.4%YoY) และสินเชื่อที่อยู่อาศัยรายย่อย (+30.4%YTD) ที่โดดเด่น
- สินเชื่อปรับตัวดีขึ้นพร้อมคุณภาพสินทรัพย์ที่เริ่มมีเสถียรภาพ โดย NPL ลดลง ขณะที่ Coverage ratio ปรับตัวสูงขึ้น
- ตั้งเป้ากำไรปี 2018 ที่ 1.02 หมื่นล้านบาท (+17.5%YoY) ซึ่งเราเลือก TMB เป็น 1 ในหุ้น Top pick กลุ่มธนาคารประจำปีนี้ แนะนำ “ซื้อ” ที่มูลค่าเป้าหมาย 3.40 บาท
2017 Earning Result
TMB รายงานกำไรสุทธิ 2017 อยู่ที่ 8.69 พันล้านบาท (+5.6%YoY) ต่ำกว่าที่คาดเล็กน้อย และใน 4Q17 มีกำไรสุทธิ 2.3 พันล้านบาท (+12.7% QoQ, +5.6% YoY) โดยมีปัจจัยหนุนจากรายได้ค่าธรรมเนียมที่เพิ่มขึ้น (+21.4%YoY) ทั้งส่วนที่เป็นกองทุนและแบงค์แอสชัวรันส์ และ Access fee จากการร่วมมือกับ FWD ส่วนการเติบโตของสินเชื่อต่อเนื่อง โดยเฉพาะสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยรายย่อย (+30.4%YTD) รวมถึงฐานลูกค้ารายย่อยและเงินฝากทำธุรกรรมเติบโตขึ้นเช่นกัน ขณะที่คุณภาพสินทรัพย์ปรับตัวดีขึ้น มี NPL ratio ที่ 2.35% ซึ่งเป็นผลของการลดลงของ Gross NPL (-2.9%QoQ, -0.5%YoY) ประกอบกับการตั้ง Coverage ratio ทรงตัวจากปีก่อนที่ 143.0%
สินเชื่อมีการปรับตัวและคุณภาพดีขึ้น
สินเชื่อของ TMB อยู่ที่ 6.43 แสนล้านบาท (+3.9%QoQ, +8.4%YTD) ดีกว่าที่คาด ขยายตัวในทุกส่วนของภาคธุรกิจ โดยเติบโตมาจากส่วนของสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยรายย่อย (+4.8%QoQ, 23.5%YTD) ส่วนสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่เติบโตขึ้น (+6.3%QoQ, +9.8%YTD) ขณะที่สินเชื่อ SME ลดลง 3.4%YTD แต่เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวจากไตรมาสที่แล้วที่เพิ่มขึ้น 0.9%QoQ ส่วน Loan Yield กลับลดลง 30 bps ซึ่งเป็นผลของการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อที่มี Loan Yield ต่ำอย่างสินเชื่อบ่านและสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ (-16 bps) และการเปลี่ยนแปลง Loan mix ที่ไปเพิ่มในส่วนของ MB & CB Loan (-13bps) ส่งผลให้ NIM ปรับตัวลง 4 bps อยู่ที่ 3.13%
สำหรับสินเชื่อด้อยคุณภาพลดลงมาอยู่ที่ 1.75 หมื่นล้านบาท (-2.88%QoQ, -0.48%YTD) โดย TMB ได้ write – off เพิ่มเติมใน 4Q17 อีก 2.3 พันล้านบาท เพื่อลดความเสี่ยงเชิงลบในอนาคตและเพื่อสร้าง Balance sheet clean ส่งผลให้ NPL Ratio ลดลง 22 bps มาอยู่ที่ 2.35% โดย new NPL เริ่ม flat และเคลื่อนไหวในกรอบแคบ 0.8 – 1.0% 5 ไตรมาสติดกัน ขณะที่ Coverage ratio อยู่ที่ 143.0% ซึ่งมีการตั้งสำรองทั้งปี 8.92 พันล้านบาท ส่งผลให้ Credit cost ปรับตัวลง 7 bps มาอยู่ที่ 139 bps
รายได้ค่าธรรมเนียมเติบโตสูงสุดในกลุ่มธนาคาร
Non – NII ทั้งปีอยู่ที่ 1.27 หมื่นล้านบาท (+21.4%YOY) โดยมาจากการเติบโตที่แข็งแกร่งของรายได้ค่าธรรมเนียม (+32.4%YoY) จากกองทุนรวมและแบงก์แอสชัวรันส์ รวมถึง Access fee (+16.0%YoY) จากการขายประกันของ FWD ที่เป็นปัจจัยหนุนให้ผลการดำเนินงานแข็งแกร่งขึ้น โดยปีนี้ TMB โดดเด่นที่สุดในรายได้ค่าธรรมเนียมของกลุ่มธนาคาร
คาดการณ์กำไรสุทธิ 2018 ไว้ที่ 1.02 พันล้านบาท เน้นการเติบโตสินเชื่อรายย่อยเราประเมินกำไรสุทธิปี 2018 ที่ 1.02 หมื่นล้านบาท เติบโต 17.5%YoY โดยมีตัวผลักดันอย่างรายได้ค่าธรรมเนียมทั้งในส่วนกองทุนรวม แบงก์แอสชัวรันส์ รวมถึงค่า Access fee ที่รับรู้รายได้ประมาณปีละ 1.3 พันล้านบาท เป็นรายได้คงที่ไปอีก 14 ปี ขณะที่แผนการดำเนินงาน 5 ปี ที่มีการเพิ่มการลงทุนในระบบ IT และ ค่าใช่จ่ายการตลาดดิจิตอล
แนะนำ “ซื้อ” ที่มูลค่าเป้าหมาย 3.40 บาท
เราปรับมูลค่าพื้นฐานปี 2018 จาก 2.82 บาท เป็น 3.40 บาท upside 11.8% อิง PBV 1.5x โดยเรามีมุมมองเชิงบวกต่อ TMB ทั้งคุณภาพของสินทรัพย์ที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นที่จะส่งผลต่อ NPL ที่จะปรับตัวลง ให้มีเสถียรภาพมากขึ้น ซึ่งเราเลือก TMB เป็น 1 ในหุ้น Top pick กลุ่มธนาคารประจำปีนี้
ปัจจัยเสี่ยง
ทิศทางการขยายตัวของสินเชื่อที่มี Loan Yield ทีต่ำมากเกินไปอาจส่งผลต่อ NIM ของธนาคารที่อาจปรับตัวลดลง รวมถึงคุณภาพสินทรัพย์ที่มีอาจอ่อนแอกว่าคาด
เบญจพล สุทธิ์วนิช (Registration no.018575)
Tel. 02 508 1567 ext3250
E-mail. [email protected]