ส่อง 5 หุ้นรับเหมาฯ อนาคตจะเป็นอย่างไร หลังโครงการรัฐเริ่มชะลอตัว
กระแสการเมืองร้อนในช่วงนี้ ทำให้หลายฝ่ายมองทิศทางอนาคตการเมืองในปีหน้ามีโอกาสสูงที่จะได้เห็นการเลือกตั้งใหม่ ซึ่งทุกครั้งที่เกิดช่วงสุญญากาศทางการเมือง จะส่งผลต่อโครงการลงทุนก่อสร้างภาครัฐ ที่จะเริ่มชะลอตัวลงเพื่อรอรัฐบาลชุดใหม่ และมีผลกระทบต่อการรับงานของบริษัทในกลุ่มรับเหมาก่อสร้างในตลาดหุ้นด้วย

.
โดย บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จากัด (มหาชน) จึงได้ออกบทวิเคราะห์ ถึงหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่อยู่ในตลาดหุ้น ว่าจากนี้ ทิศทาทางหุ้นในกลุ่มดังกล่าวจะเป็นอย่างไรต่อไป ในช่วงที่โครงการภาครัฐ เริ่มชะลอตัว
.
* ห่วงโครงการรัฐฯ ชะลอ เหตุใกล้ช่วงเลือกตั้ง
บล.ดาโอ (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า การประมูลโครงการใหม่เริ่มชะลอตัว หากพิจารณาจาก pipeline การเปิดประมูลโครงการใหญ่ เรามองว่าแนวโน้มโครงการใหม่เริ่มลดลงในช่วงเวลาที่เหลือของปีและ Q1/66 และมีโอกาสล่าช้าจากการใกล้เลือกตั้ง โดยปัจจุบันโครงการที่มีความคืบหน้ามากสุดมีเพียง
.
1) โครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง (ไม่รวม Missing Link) มูลค่ารวม 2.2 หมื่นล้านบาท แต่ยังอยู่ระหว่างจัดทา TOR และสรุปราคา
.
2) โครงการรถไฟทางคู่เฟส 2 จำนวน 3 เส้นทางใหม่ มูลค่ารวม 1.3 แสนล้านบาท โดยยังรอเสนอเข้าที่ประชุม ครม.
.
ทำให้เราประเมินว่าการเปิดประมูลโครงการเหล่านี้จะเห็นเร็วสุดในครึ่งปีแรก 66 นอกเหนือจากนั้น แล้ว จากข้อมูลการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐล่าสุดไม่ได้มีการเร่งตัวขึ้นอย่างมีนัย
.
โดยตัวเลขในช่วง 11 เดือนปี 65 (ต.ค.2021-ส.ค.65) ยังอยู่ในระดับที่ 3.6 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 59% ของงบประมาณลงทุนทั้งหมด เทียบกับ 11 เดือนปี 64 (ต.ค.2020-ส.ค.2021) ที่ 3.6 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 56%
.
สายสีส้มประกาศ lowest bidder แล้ว แต่ยังต้องรอ process คดีความ ล่าสุด รฟม. ได้ประกาศผล lowest bidder การประมูลโครงการสายสีส้มแล้ว ซึ่ง BEM เป็นผู้ชนะประมูลอย่างไม่เป็นทางการ แต่อย่างไรก็ตามปัจจุบันมีคดีความที่เกี่ยวข้องกับสายสีส้มจำนวน 4 คดี ได้แก่ คดีศาลปกครอง 3 คดี และคดีศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง 1 คดี ซึ่งรวมถึงคดีการแก้ไขหลักเกณฑ์ของการประมูลครั้ง เก่าของ รฟม. ที่ศาลปกครองพิพากษาว่าการแก้ไขหลักเกณฑ์ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และ รฟม. อยู่ระหว่างอุทธรณ์ ส่งผลให้ขั้น ตอนการประกาศผู้ชนะอย่างเป็นทางการและการลงนามสัญญาอาจยังต้องใช้เวลา
.
* เปิด 4 ปัจจัยหนุนหุ้นรับเหมา ครึ่งปีหลัง 65
ราคาหุ้นมีโอกาสน้อยที่จะ outperform ช่วงก่อนเลือกตั้ง จากการศึกษาของเราพบว่า หากอิงข้อมูลการเลือกตั้งครั้งล่าสุดในปี 62 ราคาหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างโดยรวม (SETCONS) underperform SET -7% ในช่วง 6 เดือน และ in line กับ SET ในช่วง 1-3 เดือนก่อนเลือกตั้งทำให้เราคาดการณ์ว่าราคาหุ้นกลุ่มรับเหมามีโอกาสจะ in line หรือ underperform SET ในช่วง 1-6 ก่อนการเลือกตั้งครั้ง นี้จากปัจจัยลักษณะทางการเมืองที่มีความคล้ายกัน รวมถึงปัจจัยการเปิดประมูลโครงการใน Q4/65-Q1/66 ที่เริ่มลดลงเช่นกัน
.
หุ้นก่อสร้างของ 5 บริษัทที่อยู่ภายใต้ coverage ของ DAOL ในปี 65 ฟื้นตัว +12% YoY โดยประเมิน ครึ่งปีหลัง 65 จะปรับตัวดีขึ้น YoY, HoH หนุนโดย
.
1) backlog ที่กลับมาขยายตัวและ progress งานใหญ่ที่เร่งตัวขึ้น โดยเฉพาะทางคู่เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของและสายสีม่วงใต้ ทั้งนี้ backlog รวมสิ้น Q2/65 อยู่ที่ 1.8 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น จาก Q2/64 ที่ 1.35 แสนล้านบาท
.
2) COVID-19 คลี่คลายขึ้น และการผ่อนคลายมาตรการของรัฐ โดยใน Q3/64 รัฐมีการใช้มาตรการปิดแคมป์คนงานแบบเข้มงวด
.
3) การนำเข้าแรงงานทำได้คล่องตัวขึ้น หลังการเปิดประเทศ โดยข้อมูลแรงงานต่างด้าวล่าสุดใน ก.ค.65 อยู่ที่ 2.3 ล้านคน ทยอยปรับตัวขึ้น นับตั้งแต่ เม.ย.65 ที่ 2 ล้านคน ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดตั้ง แต่การระบาดCOVID-19
.
4) ราคาวัสดุก่อสร้างเริ่มมีสัญญาณอ่อนตัว โดยดัชนีวัสดุก่อสร้างเดือน ส.ค.อ่อนตัว -0.4% MoM ปรับตัวลง MoM เป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกันตามทิศทางราคาเหล็ก
.
* ปรับน้ำหนักลงเหลือ “เท่ากับตลาด” ชู CK - PYLON เด่น
เราปรับน้ำหนักการลงทุนกลุ่มรับเหมาก่อสร้างลงเป็น “เท่ากับตลาด” (จากเดิม “มากกว่าตลาด”) จากแนวโน้มการเปิดประมูลโครงการใหญ่ในช่วงเวลาที่เหลือของปีเริ่มลดลงและมีโอกาสล่าช้าจากการใกล้เลือกตั้ง ขณะที่สายสีส้มยังต้องรอ process คดีความ นอกจากนี้ จากการศึกษาของเราพบว่าราคาหุ้นกลุ่มรับเหมามีทิศทางจะ in line หรือ underperform SET ในช่วงก่อนเลือกตั้ง
.
สำหรับ Top pick กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง เราชอบ CK (ซื้ /เป้า 25.40 บาท) มากสุด จากผลการดำเนินงานและ backlog ที่กลับมา turnaround และมี catalyst เฉพาะตัวจากความคืบหน้าสัญญา EPC โครงการหลวงพระบางในครึ่งหลังปี 65 ซึ่ง มีมูลค่างานก่อสร้างสูงถึง 8-9 หมื่นล้านบาท โดยจะช่วยลดความเสี่ยงและเป็นข้อได้เปรียบหากการประมูลโครงการรัฐล่าช้า
.
ด้านกลุ่มรับเหมาขนาดเล็ก เราชอบPYLON (ซื้อ /เป้า 5.40 บาท) จากผลการดำเนินงานและ backlog ที่ฟื้นตัวเร็ว และมีข้อได้เปรียบในเรื่องแรงงานมากกว่าคู่แข่ง สำหรับหุ้นรับเหมาขนาดเล็กตัวอื่นจะกลับมาน่าสนใจมากขึ้น หากสถานการณ์ GPM, ปัญหาแรงงานขาดแคลน, และการเจรจางานใหม่มีสัญญาณดีขึ้นชัดเจน
.
* เจาะรายละเอียด 5 หุ้นรับเหมาฯ ใครเด่นสุด
CK: คงคำแนะนำ “ซื้อ ” ราคาเป้าหมาย 25.40 บาท อิง SOTP จาก 1) มี catalyst เฉพาะตัวจากความคืบหน้าสัญญา EPC โครงการหลวงพระบางใน ครึ่งหลังปี 65 , 2) ผลการดาเนินงาน ครึ่งปีหลังและนับจากนี้อยู่ในทิศทางที่ดีตาม backlog ที่กลับสู่ขาขึ้น ขณะที่บริษัทได้รับผลกระทบค่อนข้างจากัดจากการปรับขึ้นค่าแรง, และ 3) หากการฟ้องร้องสายสีส้มคลี่คลายและสามารถลงนามสัญญาได้ เราประเมินจะเป็น upside ต่อ CK ราว 6-7 บาท/หุ้น
.
PYLON: คงคำแนะนำ “ซื้อ ” ราคาเป้าหมาย 5.40 บาท อิง ปี 65 PER 27x (+1.5SD above 5-yraverage PER โดยคำนวณไม่รวมช่วงปี 2017) โดยมี catalysts เพิ่มเติมจาก 1) การเจรจาโครงการเอกชนขนาดใหญ่มูลค่า 1 พันล้านบาท จะทราบผลเดือน ก.ย. นี้ และ 2) มีโอกาสสูงในการได้ส่วนแบ่งงานรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้
.
RT: คงคำแนะนำ “ถือ” ราคาเป้าหมาย 1.60 บาท อิง 65 PBV 1.35x (-1.5SD below 2-yraverage PBV) โดยเรายังกังวลต่อทิศทาง GPM ที่ต้องใช้เวลาในการฟื้นตัวจากการแข่งขันด้านราคาอย่างไรก็ตาม เรามีโอกาสปรับคาแนะนำขึ้น หาก GPM มีสัญญาณดีขึ้นรวมถึงการเจรจางานใหม่มีความชัดเจน โดยเฉพาะงานเพิ่มเติมในโครงการอุโมงค์ทางคู่เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ และโครงการโรงไฟฟ้ าพลังน้ำหลวงพระบาง
.
SEAFCO: คงคำแนะนำ “ถือ” ราคาเป้าหมาย 3.50 บาท อิง 65 PBV 1.8x (-1.5SD below 5-yr average PBV) แม้สถานการณ์แรงงานและแนวโน้มงานใหม่และงานศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี(ส่วนต่อขยาย) ทยอยเห็นพัฒนาการ แต่เราคงมุมมองระมัดระวังจากระยะสั้น ผลการดำเนินงานจะขาดทุนต่อเนื่องใน Q3/65 และการนำเข้าแรงงานที่ยังต้องใช้เวลากลับสู่ระดับปกติ
.
STEC: คงคำแนะนำ “ถือ” ราคาเป้าหมาย 13.00 บาท อิง 65 PER 24x (+0.5SD above 3-yraverage PER) แม้ backlog ปัจจุบันจะอยู่ในระดับสูงถึง 1 แสนล้านบาท แต่เรายังมีความกังวลในคุณภาพ backlog และ GPM ที่ผันผวน ขณะที่บริษัทขาด catalyst การประมูลโครงการใหม่
***********************************