โดย เธอ
เผยแพร่ : 
149 viewsส่อง 5 หุ้นกู้บริษัทชื่อดัง ที่ใครๆก็ซื้อได้
รับดอกเบี้ยสูงสุดถึง 7% ต่อปี
.
หุ้นกู้เป็นหนึ่งในเครื่องมือทางการเงินที่บริษัทใช้ระดมทุน เพื่อนำเงินมาใช้ในกิจการต่างๆ ของบริษัท ซึ่งปัจจุบันก็มีบริษัทที่นักลงทุนคุ้นเคยหลายแห่งมีแผนเสนอขายหุ้นกู้ออกมา ดังนั้น Wealthy Thai จึงได้สำรวจหุ้นกู้ของ 5 บริษัทดังมาฝาก มาดูกันว่าดอกเบี้ยจะดึงดูดใจมากแค่ไหน
.
บริษัทแรกคือ บริษัท ไทยแอร์เอเชีย จำกัด ซึ่งจะเสนอขายขายหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ มีประกัน มูลค่าไม่เกิน 1,200 ล้านบาท และมีหุ้นกู้สำรองไม่เกิน 300 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่าเสนอขายรวมทั้งสิ้นไม่เกิน 1,500 ล้านบาท อายุ 2 ปี ดอกเบี้ย 7% ต่อปี ให้แก่ผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือ ผู้ลงทุนรายใหญ่ โดยมีบริษัท เอเชีย เอวิชั่น จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ค้ำประกัน
.
โดยจะเปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 24 – 26 เม.ย. 2566 มีบริษัทหลักทรัพย์ บลูเบลล์ จำกัด, บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บริษัท หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และ บริษัท หลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้
.
สำหรับอันดับความน่าเชื่อถือโดย TRIS Rating เมื่อวันที่ 23 มี.ค. 2566 องค์กรจัดอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ที่ BB+ ส่วนหุ้นกู้ไม่มีการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ขณะที่วัตถุประสงค์ บริษัทจะนำเงินไปชำระคืนหุ้นกู้ TAA236A จำนวน 1,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ
.
ถัดมา บริษัท ทรู มันนี่ จำกัด มีแผนจะเสนอขายหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน มูลค่าไม่เกิน 2,000 ล้านบาท อายุ 2 ปี 3 วัน ดอกเบี้ย 5.95% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน ให้แก่ผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือ ผู้ลงทุนรายใหญ่ โดยจะเปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 09 – 11 พ.ค. 2566 โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด และบริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้
.
ทั้งนี้ องค์และหุ้นกู้ไม่มีการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ส่วนวัตถุประสงค์ บริษัทใช้สำหรับลงทุนขยายธุรกิจของบริษัทที่เกี่ยวข้องในกลุ่มบริษัท แอสเซนด์ มันนี่ จำกัด และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนบริหารสภาพคล่อง
.
ลำดับสาม บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL คาดว่าเสนอขายหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน มูลค่าไม่เกิน 1,500 ล้านบาท อายุ 3 ปี 2 เดือน 11 วัน ดอกเบี้ย 4% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน ให้แก่ผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือ ผู้ลงทุนรายใหญ่ โดยจะเปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 24- 26 เม.ย. 2566
.
โดยมีบริษัท หลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด และบริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้
.
สำหรับอันดับความน่าเชื่อถือโดย TRIS Rating องค์กรจัดอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ที่ BBB+ ส่วนหุ้นกู้ไม่มีการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ขณะที่วัตถุประสงค์ บริษัทจะใช้เพื่อชำคืนหุ้นกู้ครั้งที่ 1/2563 ชุดที่ 1 ซึ่งจะครบกำหนดไถ่ถอนวันที่ 30 เม.ย. 2566 จำนวน 907.1 ล้านบาท และส่วนที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
.
ลำดับสี่ บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD คาดว่าเสนอขายหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ มีประกัน จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน ให้แก่ประชาชนทั่วไป (ผู้ลงทุนทั่วไป และ/หรือ ผู้ลงทุนสถาบัน) โดยมีบริษัท ศรีสวัสดิ์ พาวเวอร์ 2014 จำกัด เป็นผู้ค้ำประกัน ซึ่งประกอบด้วย
ชุดที่ 1 อายุ 3 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2569 อัตราดอกเบี้ย 4.15-4.30% ต่อปี
ชุดที่ 2 อายุ 4 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2570 อัตราดอกเบี้ย 4.35-4.50% ต่อปี
ชุดที่ 3 อายุ 5 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2571 อัตราดอกเบี้ย 4.50-4.65% ต่อปี
.
โดยจะเปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 8-10 พ.ค. 2566 แบ่งผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ ดังนี้ สำหรับเสนอขายต่อประชาชนทั่วไป (ผู้ลงทุนทั่วไป และ/หรือ ผู้ลงทุนสถาบัน) ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน), ธนาคาร กรุงเทพ จำกัด (มหาชน), ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน), ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด, บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน)
.
บริษัท หลักทรัพย์เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ บลูเบลล์ จำกัด, บริษัท หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ส่วนผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือ ผู้ลงทุนรายใหญ่ ธนาคารออมสินเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้
.
สำหรับอันดับความน่าเชื่อถือโดย TRIS Rating เมื่อวันที่ 23 มี.ค. 2566 องค์กรจัดอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ที่ BBB+ ส่วนหุ้นกู้จัดอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ที่ BBB+ แนวโน้ม Stable ขณะที่วัตถุประสงค์ บริษัทจะใช้เพื่อเงินทุนหมุนเวียน และชำระหนี้จากการออกหุ้นกู้
.
และลำดับสุดท้าย บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC คาดว่าเสนอขายหุ้นกู้และหุ้นกู้ดิจิทัล ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน จ่ายดอกเบี้ยทุก 6 เดือน สำหรับหุ้นกู้ที่ไม่ใช่หุ้นกู้ดิจิทัล เสนอขายประชาชนเป็นการทั่วไป (โดยให้บุคคลธรรมดาทีเป็นผู้ลงทุนสถาบันจองซื้อในฐานะผู้ลงทุนทั่วไปเท่านั้น) ได้แก่
ชุดที่ 1 อายุ 3 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2569 อัตราดอกเบี้ย 3.20-3.40% ต่อปี
ชุดที่ 2 อายุ 5 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2571 อัตราดอกเบี้ย 3.70-3.90% ต่อปี
ชุดที่ 3 อายุ 7 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2573 อัตราดอกเบี้ย 4.00-4.20% ต่อปี
ชุดที่ 4 อายุ 10 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2576 อัตราดอกเบี้ย 4.20-4.40% ต่อปี
.
โดยจะเปิดให้จองซื้อในระหว่างวันที่ 26, 29 -30 พ.ค. 2566 โดยมี ธนาคาร กรุงเทพ จำกัด (มหาชน), ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน), ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน), ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน), ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน), ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน), ธนาคาร ทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน), บริษัท ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จํากัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้
.
ส่วนหุ้นกู้ดิจิทัล เสนอขายต่อประชาชนเป็นการทั่วไป (เฉพาะบุคคลธรรมดาที่บรรลุนิติภาวะแล้ว ซึ่งเป็นผู้ถือสัญชาติไทยเพียงสัญชาติเดียว และมีภูมิลําเนาและถิ่นที่อยู่ในประเทศไทยเท่านั้น ได้แก่
ชุดที่ 5 อายุ 3 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2569 อัตราดอกเบี้ย 3.20-3.40% ต่อปี
ชุดที่ 6 อายุ 5 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2571 อัตราดอกเบี้ย 3.70-3.90% ต่อปี
ชุดที่ 7 อายุ 7 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2573 อัตราดอกเบี้ย 4.00-4.20% ต่อปี
ชุดที่ 8 อายุ 10 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2576 อัตราดอกเบี้ย 4.20-4.40% ต่อปี
.
โดยเปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 26-30 พ.ค. 2566 ผ่านวอลเล็ตซื้อขายหุ้นกู้บนแอปพลิเคชัน "เป๋าตัง" ของธนาคารกรุงไทย จํากัด (มหาชน) เท่านั้น
.
สำหรับอันดับความน่าเชื่อถือโดย TRIS Rating เมื่อวันที่ 16 มี.ค. 2566 องค์กรจัดอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ที่ A-(tha) ส่วนหุ้นกู้จัดอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ที่ A-(tha) แนวโน้ม Stable ขณะที่วัตถุประสงค์ บริษัทจะใช้ชําระหนี้หุ้นกู้รุ่น IRPC239A ซึ่งจะครบกําหนดไถ่ถอนในเดือนก.ย. 2566 และชําระคืนเงินกู้ รวมถึงใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ
