หมดยุคแย่งจ้างงาน!

หมดยุคแย่งจ้างงาน! Microsoft ปลดพนักงานเพิ่ม สะท้อนความต้องการชะลอตัว

สำนักข่าว The Wall Street Journal รายงานว่า Microsoft Corp. ได้ประกาศเลิกจ้างพนักงานเพิ่มขึ้นในสัปดาห์นี้ และกลายเป็นบริษัทเทคโนโลยีล่าสุดที่แสดงสัญญาณความกังวลเกี่ยวกับความต้องการในอนาคต

.

ในเดือน ก.ค. ผู้ผลิตซอฟต์แวร์กล่าวว่ามีแผนที่จะลดจำนวนตำแหน่งงาน ซึ่งจะส่งผลกระทบน้อยกว่า 1% ของจำนวนพนักงานทั้งหมด ในขณะนั้น Microsoft ซึ่งมีพนักงานทั่วโลกมากกว่า 200,000 คนกล่าวว่า กำลังลดค่าใช้จ่าย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการปรับค่าใช้จ่ายตามปกติในช่วงต้นปีงบประมาณ

.

เมื่อวันจันทร์ (17 ต.ค.) บริษัทไม่ได้ให้จำนวนการเลิกจ้างที่เริ่มดำเนินการในสัปดาห์นี้ และไม่ได้ยืนยันว่าการเลิกจ้างนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนการประกาศก่อนหน้าหรือไม่ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ Axios บริษัทเฮลท์แคร์ระดับโลกที่เน้นใช้เทคโนโลยี ได้รายงานการเลิกจ้างพนักงาน

.

บริษัทเทคโนโลยีหลายแห่ง รวมถึง Twitter Inc. Netflix Inc. และ Uber Technologies Inc. ได้ปรับแผนการจ้างงานเพื่อรับมือกับการเติบโตที่ชะลอตัวและผลกระทบจากปัจจัยเศรษฐกิจมหภาคอื่นๆ โดยบริษัทต่างๆ ได้ลดจำนวนพนักงาน ลดขนาดของทีม และงดการจ้างงาน

.

อุตสาหกรรมเทคโนโลยีได้เพิ่มจำนวนการจ้างงานอย่างรวดเร็วเป็นเวลาหลายปี แต่เม็ดเงินที่ใช้จ้างงานในช่วงหลายปีกำลังลดลง ทั้งนี้ การกลับมาเพิ่มขึ้นของแนวโน้มการแพร่ระบาด รวมถึงอัตราเงินเฟ้อและความกังวลที่เพิ่มขึ้น เกี่ยวกับเศรษฐกิจโลกอาจเข้าสู่ภาวะถดถอย ทำให้ภาคธุรกิจที่เคยร้อนแรง ต้องชะลอตัวลง

.

The Wall Street Journal รายงานว่า Meta Platforms Inc. กำลังวางแผนลดค่าใช้จ่ายลงอย่างน้อย 10% ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ส่วนหนึ่งมาจากการลดจำนวนพนักงงาน เนื่องจากยักษ์ใหญ่ด้านโซเชี่ยลมีเดียกำลังเผชิญกับการเติบโตที่ชะลอตัว และการแข่งขันที่สูงขึ้น

.

ความเคลือนไหวของ Microsoft เป็นไปตามความท้าทายที่เกิดขึ้นกับบริษัท โดยบริษัทประสบปัญหาการเติบโตของรายได้ที่ช้าที่สุดในรอบสองปี ในช่วงสามเดือนจนถึงเดือนมิ.ย. จากธุรกิจคลาวด์ที่ชะลอตัวลง ยอดขายวิดีโอเกมที่ลดลง และผลกระทบจากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่า

.

หลังการเปิดเผยผลประกอบการในเดือน ก.ค. เอมี่ ฮูด ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงินของ Microsoft กล่าวว่า บริษัทจะชะลอการจ้างงานเพื่อมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจหลักที่มีการเติบโต

.

ทั้งนี้ราคาหุ้นของ Microsoft ได้ลดลงราว 30% ในปีนี้ ซึ่งสอดคล้องกับดัชนี Nasdaq ที่มีหุ้นเทคโนโลยีเป็นจำนวนมาก

***********************************