ห้องเม่าปีกเหล็ก

‘กสิกรไทย’ เล็งต่อยอดธุรกิจ ‘ฟินเทค’

โดย บอนไซ
เผยแพร่ :
180 views

‘กสิกรไทย’ เข้าพอร์ต ‘กัลฟ์’ เล็งต่อยอดธุรกิจ ‘ฟินเทค’

‘กัลฟ์’ภายใต้ร่มเงา‘กสิกรไทย’ หลังซื้อหุ้นเพิ่มต่อเนื่องเปิดประตูรับโอกาสใหม่ทางธุรกิจ เล็ง‘ต่อยอด’เทคโนโลยีการเงิน

 

 

การมาถือหุ้นของ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF ในธนาคารกสิกรไทย (KBANK) เพิ่มเป็น 3.25% หรือ 77 ล้านหุ้น ทำให้กัลฟ์ขึ้นแท่นเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 5 ภายใต้โครงสร้างผู้ถือหุ้นกสิกรไทย ดังนั้น การเข้ามาถือหุ้นของกัลฟ์ไม่เพียงหวังเพียงแต่เงินปันผลที่จะได้รับในไตรมาส 2 ปี 2568 ที่ 808 ล้านบาทเท่านั้น  

แต่ที่ต้องจับตาคือการเข้ามาถือหุ้นของกัลฟ์หวังอะไรเพิ่มเติมหลังจากนี้หรือไม่ ซึ่งทราบกันดีว่าปัจจุบัน “กัลฟ์” ทำธุรกิจหลากหลาย ทั้งในธุรกิจพลังงาน ที่เป็นทั้งผู้ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติและพลังงานหมุนเวียน ทั้งจาก พลังงานลม พลังงานน้ำ และการจัดหาและจำหน่ายก๊าซธรรมชาติ

“กัลฟ์” เดินเกมรุกสู่ทุกโครงสร้างพื้นฐาน

ไม่เพียงเท่านั้น ภายใต้การทำธุรกิจของ “กัลฟ์” ยังมี โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญคือ โครงสร้างพื้นฐานด้านสาธารณูปโภค ที่มีการลงทุนด้านพลังงาน จากสถานีรับจ่ายก๊าซธรรมชาติ และนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว ฯลฯ

ไม่เพียงเท่านั้น กัลฟ์ยังมีโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล จากการเข้าไปลงทุนในแพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัล เช่น Gulf Binance ธุรกิจดาวเทียมไทยคม (THCOM)

ดังนั้น จะเห็นได้ว่า วันนี้ “กัลฟ์” อาจไม่ใช่ธุรกิจพลังงานเพียงอย่างเดียวแล้ว แต่ภายใต้กัลฟ์มีหลากหลายธุรกิจ หลายโครงสร้างพื้นฐานที่จะหนุนกัลฟ์เติบโตในทุกกลุ่มธุรกิจนับจากนี้

ที่จะเห็นในเร็วๆ นี้ คือ การคืบคลานเข้ามาของ “กัลฟ์” ในโครงสร้างพื้นฐานทางการเงิน ผ่านการสนใจในการทำธุรกิจธนาคารไร้สาขาหรือ Virtual Bank ที่จะร่วมกับธนาคารกรุงไทยในระยะข้างหน้า หากได้ใบอนุญาต (ไลเซนส์) จากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หลังจากนี้

เช่นเดียวกันกับล่าสุด ที่ “กัลฟ์” เข้ามาถือหุ้นในกสิกรไทยมากขึ้น ที่หวังว่าอาจช่วยต่อยอด หรือเพิ่มโอกาสให้กัลฟ์ไม่มากก็น้อยนับจากนี้ ดังนั้น หลังจากนี้คงเห็นกัลฟ์ เพิ่มสัดส่วนในกสิกรไทยต่อเนื่อง

เปิดสาเหตุกัลฟ์สนใจถือหุ้น “กสิกรไทย”

หากวิเคราะห์ถึงสาเหตุที่เหตุใด ถึงเลือกถือหุ้นในกสิกรไทยเพิ่มขึ้น หากย้อนกลับไปดูโครงสร้างผู้ถือหุ้นในกลุ่มธนาคาร ปัจจุบันนี้มีเพียง 2 ธนาคารเท่านั้น ที่โครงสร้างผู้ถือหุ้นไม่ชัดเจน หรือไม่ได้มีผู้ถือหุ้นหลักที่ชัดเจน

ดังนั้น การที่กัลฟ์เลือกเข้ามาลงทุนในกัลฟ์ครั้งนี้ ก็คงมองแล้วว่า โอกาสที่จะได้ประโยชน์จาก “กสิกรไทย” มีมากกว่าเงินปันผลเฉียดพันล้านบาท

และหากดู “จุดเด่น” ของกสิกรไทย ถือว่าเป็นแบงก์ที่ถือเป็นผู้นำดิจิทัลแบงกิ้งชัดเจน และมีจำนวนผู้ใช้งานบนแอปพลิเคชั่น K Plus สูงสุดในระบบธนาคาร (ไม่รวมกรุงไทย เนื่องจากกรุงไทยมีฐานลูกค้าจาก “เป๋าตัง” ที่ได้รับประโยชน์จากโครงสร้างภาครัฐ ที่มีการช่วยเหลือลูกหนี้ในช่วงโควิดผ่านแอปฯ เป๋าตัง ทำให้ยอดใช้งานบนแอปฯเป๋าตังเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับสูง)

ดังนั้น หากเอาโครงการพิเศษออก ปัจจุบัน “กสิกรไทย” ถือว่าเป็นธนาคารที่มีผู้ใช้งานด้านดิจิทัลสูงที่สุด โดยปัจจุบันมีราว 22.8 ล้านคน และคาดว่าในสิ้นปีนี้จะมีผู้ใช้งานเพิ่มเป็น 23.9 ล้านคน

 ธนาคารกสิกรไทยไม่เพียง มียอดผู้ใช้งานบนดิจิทัลที่แข็งแกร่ง แต่ธนาคารยังมีธุรกิจ “เทคโนโลยีทางการเงิน” คือ กสิกร บิซิเนส เทคโนโลยี กรุ๊ป หรือ KBTG ที่มีความล้ำสมัยเกี่ยวกับเทคโนโลยีทางการเงิน ที่ให้ทำธนาคารสามารถตอบโจทย์บริการทางการเงินอย่างรวดเร็ว ตอบโจทย์ลูกค้าได้มากที่สุด

 ไม่แปลกหากกัลฟ์เลือกที่จะเข้ามาถือหุ้นกสิกรไทยเพิ่มขึ้น ดังนั้น การลงทุนครั้งนี้ ไม่ใช่แค่การลงทุนเชิงการเงิน แต่กัลฟ์ยังมองว่ายังสามารถต่อยอดเชิงกลยุทธ์ในหลายด้าน ทั้งในธุรกิจพลังงานที่บริษัทมีจุดแข็ง และเทคโนโลยีทางการเงินที่วันนี้กสิกรไทยถือว่ามีผู้นำมากกว่ากัลฟ์ไปหลายขุม

โอกาสต่อยอด Digital finance และ FinTech

หากวิเคราะห์ต่อไปในเชิงธุรกิจ มองว่าการต่อยอดธุรกิจของกัลฟ์ และกสิกรไทย อาจต่อยอดไปสู่ Digital finance และ FinTech ในระยะข้างหน้าได้ ทั้งโอกาสในการขยายธุรกิจด้านดิจิทัล และเทคโนโลยีทางการเงิน โดยอาศัยแพลตฟอร์มที่แข็งแกร่งของ K Plus และ KBTG และยังมีโอกาสร่วมพัฒนาเทคโนโลยีทางการเงินต่างๆไปในอนาคตอีกมาก

ทั้งมุมของ Blockchain หรือDigital lending ร่วมถึงการขยาย Payment& Digital banking ที่อาจเห็นร่วมกันสร้างแพลตฟอร์มทางการเงินใหม่ๆในอนาคตก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้

ไม่เพียงเท่านั้นหากอนาคต กัลฟ์เข้ามามีบทบาทหรืออำนาจผ่านการถือหุ้นในกสิกรไทยเพิ่มขึ้น ในฐานะ Strategic Shareholder ในมุมธุรกิจอาจสร้างผลบวกหรืออำนาจในการต่อรองด้านธุรกิจมากขึ้น

ทั้งโอกาสในการได้รับสินเชื่อหรือต้นทุนทางการเงินที่ต่ำลงได้ ร่วมถึงการสนับสนุนเงินทุนเพื่อสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานในด้านพลังงานทดแทน หรือ Green Energy มากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่กสิกรไทยเน้นมาโดยตลอด

ดังนั้น ครั้งนี้มองว่าการเข้ามาถือหุ้นของกัลฟ์ในกสิกรไทย ไม่เพียงการหวังได้เงินปันผลเท่านั้น แต่ยังหวังไปถึงโอกาสภายใต้อณาจักรของ “กัลฟ์” เพิ่มขึ้นอีกด้วย

แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ต้องติดตามว่า ระดับที่พอใจของ “กัลฟ์” ในการเข้ามาถือหุ้นกสิกรไทย จะอยู่ตรงจุดไหน จะถือไม่เกิน 10% หรือ จะถือเกิน 10% เพื่อเข้ามาถือหุ้นใหญ่เต็มตัว

อย่างไรก็ตาม การเข้ามาถือหุ้นของกัลฟ์ ในสัดส่วนที่มากขึ้น ก็เป็นอุปสรรคสำคัญกัลฟ์ไม่น้อยเช่นเดียวกัน เพราะหากถือหุ้นในกสิกรไทยเพิ่มเกิน 10% อาจต้องได้รับการอนุมัติจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติในการเข้าลงทุนในธุรกิจธนาคาร

แต่ก่อนจะไปถึง 10% นั้นสิ่งที่กัลฟ์อาจต้องพิจารณามากขึ้นคือ เมื่อกัลฟ์เข้าถือหุ้นในกสิกรไทยเกิน 5% จะติดเกณฑ์เกี่ยวกับ Related lending ที่เป็นเกณฑ์กำกับสำหรับผู้ถือหุ้นรายใหญ่ หรือกิจการที่มีผลประโยชน์ที่เกี่ยวข้อง ที่ธนาคารอาจไม่สามารถปล่อยสินเชื่อเพิ่มเติมให้กับผู้ถือหุ้นเพิ่มเติมได้

 

ที่มาเนื้อหาข่าว https://www.bangkokbiznews.com/finance/investment/1172558

 


บอนไซ