ด่วน ! หรือนี่คือจุดแตกหัก ??? ล่าสุดมีรายงานออกมาว่าตอนนี้นักลงทุนทั่วโลกได้เทขายหุ้นออกจากพอร์ตจนถือหุ้นอยู่ 'น้อยที่สุด' นับตั้งแต่ช่วงวิกฤตการเงินโลกแล้ว ! และไปถือเงินสูงสุดในรอบ 21 ปี ซึ่งหมายความว่าตอนนี้ 'คนส่วนใหญ่ได้ยอมแพ้และออกจากตลาดไป' เอาล่ะสิครับท่าน ! หรือนี่จะเป็นเวลาของคนส่วนน้อยแล้วที่จะกระทำการบางอย่าง ??

.

.
การเทขายหุ้นเกิดจากความกังวลว่าเศรษฐกิจจะถดถอยเพิ่มขึ้น และอาจทำให้ผลกำไรของบริษัทต่าง ๆ ลดลงไปอีก ทำให้คนส่วนใหญ่รับความเสี่ยงไม่ไหวและ Panic Sell หุ้นออกมาเรื่อย ๆ
.

.
ในขณะเดียวกัน สิ่งที่น่าสนใจมากก็คือตอนนี้นักลงทุนส่วนใหญ่ 'หันไปถือเงินสดมากที่สุดในรอบ 21 ปี' โดยคิดเป็นราว ๆ 6.1% ของสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร
.

.
สภาวะเช่นนี้แสดงให้เห็นว่าหลังจากที่ตลาดหุ้นโลกเผชิญช่วงครึ่งปีแรกที่เลวร้ายที่สุดในรอบ 50 ปีพร้อมกับเงินเฟ้อที่รุนแรงสุดในรอบ 40 ปี ทำให้จัดการกองทุนส่วนใหญ่ก็ยังอยู่ในภาวะที่ 'ไม่สบายใจ' สำหรับการที่จะเทเงินเข้ามาเสี่ยงในตลาด ขณะที่ดัชนี FTSE All-World ซึ่งเป็น 1 ในมาตรวัดหลักที่ติดตามหุ้นทั่วโลก ได้ร่วงลงราว -21% ตลอดปีนี้
.

.
ทางฝั่ง Larry Fink ผู้บริหารระดับสูงของ BlackRock Inc ซึ่งเป็นบริษัทด้านการจัดการสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ก็ได้ออกมาเสนอมุมมองที่คล้ายกัน โดยกล่าวว่าความวิตกกังวลของตลาดตอนนี้กำลังพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว รวมถึงยังมีความกังวลเรื่องดอกเบี้ยและการทำ QT ที่อาจกดดันตลาดได้อีกในระยะสั้น
.
อย่างน้อย 58% ของผู้จัดการกองทุนที่สำรวจ กล่าวว่าตอนนี้พวกเขาถือหุ้นอยู่น้อยกว่าปกติ โดยถือหุ้น Defensive ของสหรัฐฯ เป็นส่วนใหญ่ เช่น ในภาค Health Care, สาธารณูปโภค และสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งพวกเขามองว่ามีความเสี่ยงน้อยกว่าในภาวะ Recession
.

.
ทั้งหมดนี้จึงทำให้มันไม่น่าแปลกใจเลย หากตลาดหุ้นจะเกิดการ Panic Sell อย่างต่อเนื่องได้ เพราะนักลงทุนส่วนใหญ่ตอนนี้เรียกได้ว่าสภาพจิตใจกำลังบอบซ้ำอย่างหนัก
.

.
อย่างไรก็ตาม ไม่ได้หมายความว่าตลาดหุ้นจะร่วงลงไปอีกอย่างรุนแรง หรือจะปรับตัวสูงขึ้นทันทีจากจุดนี้ เพราะความไม่แน่นอนต่าง ๆ นั้นยังมีอยู่อีกมาก ! และเหตุผลในเชิงจิตวิทยานั้นก็ไม่ใช่เรื่องที่จะสังเกตหรือทำกันได้ง่าย ๆ ในขณะที่ตลาดอาจมีบททดสอบจิตใจของเราอีกหลายอย่างก่อนที่จะกลับเข้าสู่ Bull Market จริง ๆ อีกครั้ง
.

