ตามที่ได้คํานวนค่า Leverage Ratio ของ Set 50 Index Futures ซึ่งมีค่า = 19.58 เท่า ต่อ หนึ่ง โดยคํานวนจาก มูลค่าของสัญญา ต่อ Initial Margin = 1,082.4 x 200 = 216,480 / 11,058 = 19.58 เท่า
คิดง่ายๆว่าถ้าเราลงทุนโดยใช้เงินตัวเอง 1 ส่วน และกู้ยืมมาอีก 19.58 ส่วน กิจการดังกล่าวข้างต้นจะต้องเป็นกิจการที่มีความเสี่ยงสูงมาก และผลตอบแทนที่สูงมาก นั่นเอง
และนี่เป็นเหตุผลที่ว่า ทําไมเราจะต้องตั้ง Automatic All Time Stop Loss ไว้ที่ -30% หรือตรงจุด Maintenance Margin พอดี และเมื่อโดน Stop Loss เราจะต้องหยุดและเลิกเล่นพัวพันทันที แสดงว่าที่เราคาดการณ์ว่าตลาดจะอยู่ในสภาวะกระทิงเพราะ MSCI และ FTSE จะเข้าซื้อหุ้นไทยและดันดัชนีหุ้นไทยตั้งแต่นี้ไปจนถึงปลายปี พ.ศ 2563 นั้นไม่ถูกต้อง
แต่ในทางกลับกัน ถ้ามันถูกต้อง เราก็ต้อง Let Profit Run แล้วคอยสังเกตุดูเม็ดเงินของ MSCI และ FTSE ที่จะไหลเข้าเมืองไทยว่ามีมากน้อยเพียงใดในอนาคตน่ะ คร๊าบ พี่น้อง!
และให้ติดตามข้อมูลที่สําคัญที่สุด 3 ประการเรียงตามลําดับความสําคัญ ดังนี้ :
1) FED
2) การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน
3) ราคานํ้ามัน
ข้อมูลอย่างอื่นๆเป็นเรื่อง " ขี้หมูรา ขี้หมาแห้ง " จะรู้ก็ได้และไม่รู้ก็ได้ เพราะไม่มีความสําคัญต่อทิศทางของตลาดหุ้นอย่างมีนัยสําคัญในอนาคต
ยกตัวอย่างเหตุการณ์ที่มีผลต่อตลาดหุ้นโดยรวมน้อยมากคือ Brexit, เหตุการณ์ความวุ่นวายใน Venezuela และการเมืองไทย เป็นต้น