ห้องเม่าปีกเหล็ก

คิดเป็น เห็นก่อน

โดย ชัจจ์ปัณฑ์
เผยแพร่ :
69 views

ปรับกลยุทธ์การลงทุนให้ยืดหยุ่น

ประเด็นที่วันนี้คงจะมีการถกเถียงกัน เรื่องตลาดจะปรับฐาน อย่างที่นักวิเคราะห์ว่าเอาไว้แล้วหรือไม่ ทำไมรีบปรับพอร์ตยังแดงอยู่เลย หมดรอบแล้วหรือยัง เป็นเรื่องที่ใครก็ไม่สามารถให้คำตอบได้ถูกต้องที่สุดหรอกครับ อยู่ที่ตลาดจะเป็นคนให้คำตอบในบรรทัดสุดท้าย แต่อยู่ที่เรานักสู้หุ้นทั้งหลายจะมีความพร้อมที่จะรับมือในทุกสถานการณ์ ที่จะเกิดขึ้นกับตลาดหุ้นให้ได้เสียมากกว่านะครับ

ความกังวลเริ่มเกิดขึ้นในหมู่นักลงทุนรายย่อย ที่เห็นดัชนี ราคาหุ้นมีอาการอ่อนย้อยคล้อยลงจะทรุดต่ำลงกว่า 1,800 จุดหรือไม่ หลังหุ้นขนาดใหญ่ต่างพากันถูกเทขายทำกำไรออกมาต่อเนื่อง การขยับขึ้นของหุ้นเหล่านี้เริ่มมีความตึงตัวมากขึ้น รวมถึงราคาก็ขยับขึ้นมาถึงเป้าหมายแล้ว แถมบางตัวก็วิ่งแรงเกินเป้าหมายไปแล้วเสียด้วยซ้ำ จึงไม่แปลกที่จะมีแรงขายออกมาเป็นระยะๆแบบนี้

หากดัชนียังสามารถยืนเหนือ 1,800 จุดได้แข็งแกร่งก็ไม่น่าจะต้องวิตกอะไรเกินไปนัก เป็นเรื่องของการปรับสมดุลของตลาดเพื่อสร้างความมั่นคง เราจึงต้องปรับกลยุทธ์การลงทุนให้ยืดหยุ่นขึ้น เพราะเป็นจังหวะที่ต้องจับตามองอย่าได้กระพริบ อาจจะมีโอกาสดีๆงามๆ ให้ได้เห็นกันก็เป็นได้

ล่าสุดหุ้นกลุ่มแบงก์ก็ทยอยประกาศผลการดำเนินงานออกมาเกือบ 100 % จากที่เห็นในภาพรวมน่าจะไม่ได้ดีไปกว่าที่นักวิเคราะห์คาดกันสักเท่าไหร่นัก เพราะในแบงก์ขนาดใหญ่ที่ประกาศ งบฯปี 60 ออกมาดูจะน่าผิดหวังเสียด้วยซ้ำ อย่าง KBANK หรือธนาคารกสิกรไทย ที่ประกาศผลประกอบการปี 2560 ออกมา มีกำไรสุทธิ  34,338.25 ลบ. ลดลง 14.5%  เมื่อเทียบกับปีก่อน เป็นผลมาจากการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้น เพื่อดำรงสถานะทางการเงินต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพ 

SCB หรือ ธนาคารไทยพาณิชย์ ที่ปี 2560 มีกำไรสุทธิจำนวน 43,152 ล้านบาท ลดลง 9.4% จากปี 2559 เป็นผลมาจากการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้น รวมถึงจากการคาดการณ์ความสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้นตามหลักเกณฑ์ทางบัญชีที่จะมีผลบังคับใช้ในปี 2562 รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่จากการลงทุนทางด้านเทคโนโลยีและการขยายฐานลูกค้าในช่องทางดิจิทัลของธนาคาร

BBL หรือ ธนาคารกรุงเทพ ที่ดูดีกว่าเพื่อน ประกาศมีกำไรสุทธิปี 2560 จำนวน 33,009 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.8% จากปีก่อน เป็นผลมาจาก รายได้เพิ่มขึ้น ค่าใช้จ่ายลด และสินเชื่อมีการขยาตัวเติบโตขึ้น แรงขายหุ้นกลุ่มนี้จึงเป็นลักษณะ Sell on Fact จากที่เคยได้บอกเอาไว้ก่อนหน้านี้ล่ะครับ

อย่างไรก็ตามยังคงเชื่อว่า ในปี 2561 นี้จะเป็นปีที่ดี ของหุ้นกลุ่มแบงก์ จากทั้งแนวโน้มเศรษฐกิจในประเทศที่ขยายตัวต่อเนื่อง ทิศทางดอกเบี้ยที่เป็นขาขึ้น การปรับปรุงพัฒนาธุรกิจ การให้บริการที่ตอบโจทย์ของลูกค้าที่หลากหลายและเข้าถึงได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการนำเทคโนโลยี ดิจิตอลมาให้บริการลูกค้าให้เกิดความสะดวกสบายมากขึ้น หรือการจับมือเป็นพันธมิตรกันระหว่างธุรกิจที่จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งในอนาคตก็มีให้เห็นกันแล้วในช่วงที่ผ่านมา

ดังนั้น การปรับกลยุทธ์การลงทุนจึงเป็นเรื่องสำคัญที่นักลงทุนจะต้องเข้าใจตัวเองให้ได้ก่อนว่าเป็นนักลงทุนระยะสั้นเพื่อเก็งกำไร หรือลงทุนระยะยาว สำหรับการลงทุนระยะยาว คงเข้าใจและยอมรับความผันผวนของการลงทุนในตลาดหุ้นช่วงนี้ได้ ก็จะได้รับผลดีจากการลงทุนหุ้นอย่างเป็นกอบเป็นกำ  ส่วนการเล่นเก็งกำไรระยะสั้น ก็ต้องมีวินัย ตัดสินใจได้รวดเร็ว เด็ดขาด ขายเพื่อเก็บกำไร เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม และตัดขาดทุนเมื่อผิดทาง ก็จะทำให้เราอยู่รอดในตลาดหุ้นได้อย่างสบายใจที่สุดครับ

 


ชัจจ์ปัณฑ์