CPF กับการซื้อกิจการในอเมริกา ...

บทวิเคราะห์ของ CPF ล่าสุดครับจาก ดีบีเอส วิคเคอร์

เข้าซื้อ Bellisio ธุรกิจอาหารสหรัฐ

- แจ้งตลาดฯเข้าซื้อ Bellisio ซึ่งเป็นผู้ผลิตอาหารแช่แข็งพร้อมรับประทาน (single serve frozen entress) รายใหญ่เป็นอันดับ 3 ในอเมริกา มีส่วนครองตลาดประมาณ 11% เป็นผู้นำตลาดที่แคนาดา ซึ่งมีสัดส่วนการขายอเมริกา:แคนาดาที่ 90:10 มีแบรนด์ที่รู้จักกันดีในตลาด เช่น Michelina’s, Boston Market Chili’s และ Atkins เป็นต้น มีช่องทางการจัดจำหน่ายที่แข็งแกร่ง โดยราคาที่ซื้อคิดเป็น EV/EBITDA ที่ 13 เท่า แต่ดีลนี้ยังต้องผ่านการพิจารณาเรื่องกฎหมายเกี่ยวกับการผูกขาด (antitrust law) ก่อน และคาดว่าจะใช้เวลา 180 วันนับจาก 17 พ.ย.59

- มูลค่าดีลการซื้อกิจการครั้งนี้เป็น 1.1 พันล้านเหรียญสหรัฐหรือ 38.2 พันล้านบาท และบริษัทมีแผนที่จะใช้เงินทุนในการซื้อกิจการจากกระแสเงินสดภายในบริษัท จากเงินสดในมือ ณ ปลาย 3Q59 ที่ 42.9 พันล้านบาท คาดว่าบริษัทจะใช้เงินกู้ด้วย ในกรณีหากใช้เงินกู้ทั้งหมดที่ 38.2 พันล้านบาท อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนจะเพิ่มเป็น 1.4 เท่า จากปัจจุบัน 1.2 เท่า ก็ยังต่ำกว่าข้อจำกัด (debt covenant) ที่ 2 เท่า แม้ว่าการซื้อกิจการครั้งนี้จะไม่ช่วยเพิ่มกำไรในทันที แต่เราเห็นว่าจะเป็นการเพิ่มมูลค่ากิจการ (value creation) ในระยะยาวได้เป็นอย่างดี และธุรกิจอาหารมีความผันผวนน้อยกว่าธุรกิจอื่นๆของ CPF เช่น อาหารสัตว์และฟาร์ม ช่วยเพิ่มสัดส่วนธุรกิจอาหารจากปัจจุบันที่ 11.9% เป็น 16.1% เทียบกับยอดขายรวม

- ในเชิงตัวเลขทางการเงิน ปี 58 มียอดขายและ EBITDA ที่  668 ล้านเหรียญสหรัฐ (23.7 พันล้านบาท) และ 82 ล้านเหรียญสหรัฐ (2.9 พันล้านบาท) และมีผลขาดทุน 14 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งมีผลจากค่าเสื่อมราคาและตัดจำหน่ายที่ไปซื้อกิจการ Overhill Farm ก่อนหน้า หากไม่นับรายการนี้ก็จะเป็นกำไรได้

- คงคำแนะนำ ซื้อ คาดว่าการที่ราคาหุ้นปรับตัวลง เพราะกังวลเรื่องที่บริษัทจะต้องมีการกู้เงินมากขึ้นซึ่งการซื้อครั้งนี้ใช้เงินเป็นจำนวนมาก และ Bellisio ยังมีผลการดำเนินงานเป็นขาดทุน แต่คาดว่าดีลการซื้อครั้งนี้ จะเป็นการเพิ่มมูลค่ากิจการในระยะยาวได้เป็นอย่างดี แต่เรายังไม่ได้รวมไว้ในประมาณการ ข้อดีคือ

1) มีการนำสินค้าของ CPF ไปจำหน่ายในช่องทางของ Bellisio ได้

2) ใช้สายสัมพันธ์ CPF ที่มีกับ retailers ในสหรัฐฯขยายฐานลูกค้าให้ Bellisio

3) ได้รับเทคโนโลยีใหม่ๆ และ

4) CPF สามารถเจาะตลาดอาหารเอเซียสู่สหรัฐฯได้