ห้องเม่าปีกเหล็ก

การบินไทย มุ่งสู่เส้นทาง ‘ขุมทรัพย์’ ใหม่!

โดย เจ้าสาวผีเสื้อ
เผยแพร่ :
38 views

การบินไทย มุ่งสู่เส้นทาง ‘ขุมทรัพย์’ ใหม่! ที่ไม่หวังพึ่งพี่จีนอีกแล้ว!

.เคยสังเกตระบบนิเวศในป่าใหญ่ ๆ กันบ้างไหม? เมื่อแหล่งอาหารหลักที่ทุกชีวิตเคยพึ่งพิงเริ่มลดน้อยลง สัตว์บางชนิดอาจจะอดทนรอคอยด้วยความหวังลม ๆ แล้ง ๆ ว่าแหล่งอาหารนั้นจะกลับมาอุดมสมบูรณ์ดังเดิม แต่สัตว์ที่ชาญฉลาดและมีโอกาสอยู่รอดสูงที่สุด คือฝูงที่กล้าพอที่จะละทิ้งถิ่นหากินเก่า และออกเดินทางเพื่อบุกเบิก "เส้นทางหากิน" หรือ "ขุมทรัพย์" แห่งใหม่ที่ไม่มีใครเคยรู้จักมาก่อน

.หากเราลองเปิด ‘ตำรานิเวศวิทยา’ บทที่ว่าด้วยการปรับตัวของสิ่งมีชีวิต เพื่อใช้อธิบายภูมิทัศน์ของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย เราอาจจะพบว่า ‘นักท่องเที่ยวจีน’ คือแหล่งอาหารหลักที่หล่อเลี้ยงระบบนิเวศของเรามาอย่างยาวนานจนเกือบจะกลายเป็นการปลูกพืชเชิงเดี่ยว (Monoculture) ที่แสนเปราะบาง

.แต่เมื่อแหล่งอาหารนี้เริ่มลดน้อยลงจากปัจจัยภายในของประเทศจีนเอง หลายธุรกิจอาจยังคงเฝ้ารอคอยการกลับมาของพวกเขา แต่ไม่ใช่สำหรับองค์กรที่เพิ่งผ่านประสบการณ์เฉียดตายมาอย่างการบินไทย

.

 

บทวิเคราะห์ของ คุณชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้ให้สัมภาษณ์ในรายการ Business tomorrow เมื่อวันที่ วันที่ 18 ก.ค. 2568 แสดงให้เห็นถึงสัญชาตญาณของนักล่าที่ปรับตัวได้อย่างน่าทึ่ง พวกเขาไม่ได้รอคอย แต่เลือกที่จะ "กางแผนที่ใบใหม่" และออกบินสู่เส้นทางแห่งขุมทรัพย์ที่หลายคนอาจมองข้าม

------

เมื่อไข่ทุกใบอยู่ในตะกร้าจีน จึงเป็นบทเรียนจากความเสี่ยงที่มองไม่เห็น

หัวใจของการปรับตัวคือการเรียนรู้จากความเจ็บปวดในอดีต การพึ่งพาตลาดใดตลาดหนึ่งมากเกินไปคือความเสี่ยงที่อันตรายที่สุด และการบินไทยก็ตระหนักถึงความจริงข้อนี้เป็นอย่างดี คุณชัยได้อธิบายถึงหลักการบริหารความเสี่ยงที่กลายเป็นแนวทางใหม่ขององค์กรว่า...

.“เราตัดสินใจปรับกลยุทธ์โดยย้ายเที่ยวบิน (Capacity) ที่เคยทำการบินในประเทศจีน จากเดิมกว่า 80 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ลดลงเหลือเพียง 35 เที่ยวบินใน 5 เมือง และนำเที่ยวบินเหล่านั้นไปเสริมในตลาดที่มีศักยภาพและมีความเสี่ยงน้อยกว่า เช่น ประเทศอินเดียที่เราเพิ่มการให้บริการเป็น 9 เมือง และทวีปยุโรปซึ่งเป็นตลาดหลักที่สร้างรายได้ให้เราถึง 33-35% ด้วยกลยุทธ์การกระจายที่มาของรายได้นี้ ทำให้ผลกระทบจากตลาดจีนมีเพียงเล็กน้อย (ประมาณ 5% ของรายได้รวม) ประกอบกับกลุ่มเป้าหมายของเราเป็นคนละกลุ่มกับสายการบินต้นทุนต่ำ ส่งผลให้เมื่อพิจารณาภาพรวมแล้ว จำนวนผู้โดยสารของเราไม่ได้ลดลง แต่กลับเพิ่มขึ้นจากการเติบโตในตลาดยุโรป อินเดีย และออสเตรเลีย"

.นี่คือบทเรียนสำคัญที่ทำให้การบินไทยไม่ตื่นตระหนกจนเกินไปนัก เมื่อจำนวนนักท่องเที่ยวจีนลดลง เพราะพวกเขาได้เตรียมแผนที่สำรอง ไว้ล่วงหน้าแล้ว

------

สัญชาตญาณบอกให้ไปสู่ ‘ระบบนิเวศ’ แห่งใหม่

การบินไทยตัดสินใจเบนเข็มอย่างรวดเร็วและเด็ดขาด พวกเขาไม่ได้ลดขนาดฝูงบิน แต่เลือกที่จะย้ายเที่ยวบินจากเส้นทางจีนที่เคยเป็นทำเลทอง ไปสู่ ‘ขุมทรัพย์’ แห่งใหม่ที่กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด

."ในช่วงที่เราลดขนาดองค์กรและลดขีดความสามารถในการให้บริการ (Capacity) ลงนั้น ตลาดการบินโดยรวมกลับเติบโตขึ้น ส่งผลให้มีสายการบินอื่นเข้ามาช่วงชิงส่วนแบ่งการตลาดของเราไป ดังนั้น ในช่วงเวลานี้ที่การบินไทยกลับมามีความแข็งแกร่งและมีแผนที่จะขยายฝูงบินอีกครั้ง จึงเป็นช่วงเวลาที่เราต้องทวงคืนส่วนแบ่งการตลาดที่เคยเป็นของเรากลับมา ตลาดและปริมาณผู้โดยสารนั้นมีอยู่แล้ว แต่เป็นเราเองที่เคยปล่อยให้คู่แข่งเข้ามาเนื่องจากเรายังไม่แข็งแรงพอ แต่เมื่อถึงเวลาที่เราพร้อมแล้ว เราก็ต้องขอส่วนแบ่งตลาดเหล่านั้นกลับคืนมา"

.การตัดสินใจครั้งนี้คือการเดิมพันครั้งสำคัญ มันคือการยอมละทิ้งปริมาณที่คุ้นเคยในตลาดจีน เพื่อแลกกับคุณภาพและ กำลังซื้อ ที่สูงกว่าจากตลาดยุโรปและอินเดีย ซึ่งปัจจุบันได้กลายเป็นเส้นเลือดหลักที่สร้างรายได้ให้กับการบินไทยถึงกว่า 30% และที่สำคัญคือ ทำให้ผลกระทบจากตลาดจีนที่หดตัวนั้นมีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

------

เปลี่ยนจาก ‘สายการบิน’ สู่ ‘เครือข่ายโลก’

แต่กลยุทธ์ที่ชาญฉลาดที่สุดอาจไม่ใช่แค่การหาขุมทรัพย์แห่งใหม่ แต่คือการเปลี่ยนบทบาทของตัวเองจากแค่นักล่า ไปสู่การเป็น ‘ผู้สร้างระบบนิเวศ’ เสียเอง

.คุณชายได้เปิดเผยถึงวิสัยทัศน์ในการยกระดับการบินไทยสู่การเป็น Network Airline หรือสายการบินที่เป็นเครือข่ายเชื่อมโลก ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่สายการบินยักษ์ใหญ่ในตะวันออกกลางใช้จนประสบความสำเร็จมาแล้ว

.“กลยุทธ์สำคัญของการบินไทยคือการไม่พึ่งพิงตลาดใดตลาดหนึ่งมากจนเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพึ่งพาเพียงตลาดนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าสู่ประเทศไทยเพียงอย่างเดียว เราจึงได้นำกลยุทธ์ ‘สายการบินเครือข่าย’ (Network Airline) มาปรับใช้ กลยุทธ์นี้คือการดึงผู้โดยสารจากต้นทาง เช่น ยุโรป มายังประเทศไทย เพื่อเดินทางต่อไปยังจุดหมายปลายทางอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่น จีน หรือออสเตรเลีย แม้ว่าผู้โดยสารเหล่านี้จะไม่ได้เดินทางเข้าสู่ประเทศไทยโดยตรง แต่ก็ยังคงสร้างประโยชน์ทางเศรษฐกิจให้กับประเทศผ่านธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง เช่น บริการภาคพื้น อาหาร และรายได้ของสนามบิน ซึ่งแนวทางนี้ถือเป็นการกระจายความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้ที่มีประสิทธิภาพ”

.แนวคิดนี้คือการเปลี่ยนกรุงเทพฯ ให้กลายเป็น Hub หรือชุมทางการบินที่สำคัญของโลก ผู้โดยสารอาจจะไม่ได้เดินทางเข้าประเทศไทยโดยตรง แต่การที่พวกเขามาแวะเปลี่ยนเครื่องที่นี่ ก็ได้สร้างกิจกรรมทางเศรษฐกิจมหาศาลให้กับธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง ตั้งแต่บริการภาคพื้นไปจนถึงอุตสาหกรรมอาหาร

------

เมื่อโลกไม่รอเราก็ถึงเวลาเลิกยึดติดกับความสำเร็จในอดีต

เรื่องราวการปรับตัวของการบินไทยไม่ได้เป็นเพียงกรณีศึกษาทางธุรกิจที่น่าทึ่ง แต่มันยังเป็น "คำถาม" ที่ท้าทายสำหรับอนาคตของทั้งอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของประเทศไทยในภาพรวม ที่กำลังบอกเราว่า ในวันที่โลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การยึดติดกับแผนที่ใบเก่าหรือการเฝ้ารอคอยแหล่งอาหารเดิม อาจไม่ใช่ทางรอดอีกต่อไป

คำถามสุดท้ายสำหรับเราจึงอาจไม่ใช่ว่านักท่องเที่ยวจีนจะกลับมาเมื่อไหร่ แต่อยู่ที่ว่าเรากล้าพอที่จะกางแผนที่ใบใหม่ และออกเดินทางเพื่อค้นหา ‘ขุมทรัพย์’ ที่ซ่อนอยู่ในดินแดนอื่น ๆ ของโลกใบนี้ เหมือนที่การบินไทยกำลังทำอยู่แล้วหรือยัง?

 

 

ที่มา.  Business Tomorrow


เจ้าสาวผีเสื้อ