ห้องเม่าปีกเหล็ก

Note 7 จบสวย?

โดย OttO
เผยแพร่ :
72 views

Note 7 จบสวย?

 

Note 7 จบสวย?(Cyber Weekend)
ดี.เจ. โกห์ ประธานซัมซุงโมบาย
        การเปิดเผยผลสอบสวนปัญหาในสมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุด 'โน้ต 7' (Galaxy Note 7) ที่ทำให้ซัมซุง ต้องเรียกคืนและหยุดจำหน่ายทั่วโลกตั้งแต่ปีที่แล้วนั้นถูกจวกยับว่าไม่ตอบคำถามคาใจของนักวิเคราะห์ทั่วโลก แถมยังเป็นการแถลงที่เปิดเผย 'เฉพาะในส่วนที่ซัมซุงต้องการ' ท่ามกลางตอนจบที่ซัมซุงพยายามสร้างให้แฮปปี้เอนดิ้งสุดขีด จากตัวเลขผลประกอบการที่ไม่ได้รับผลกระทบใด
       
       เหตุที่ทำให้ซัมซุงถูกมองเช่นนี้ เพราะการแถลงของซัมซุงไม่ได้ไขข้อข้องใจว่า เจ้าพ่อเทคโนโลยีซึ่งมีดีกรีเป็นสัญลักษณ์ของอุตสาหกรรมเกาหลีใต้อย่างซัมซุง ยินยอมให้เกิดปัญหาเช่นนี้ได้อย่างไร?
       
       ปัญหาที่ว่านี้คือเหตุสมาร์ทโฟน Note 7 ระเบิด ซึ่งเกิดขึ้นกับผู้ซื้อสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ไปในเวลาไม่นานหลังการเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อสิงหาคม 2559ที่ผ่านมา ถัดมาในเดือนกันยายน ซัมซุงตัดสินใจเรียกคืนเครื่อง จำนวน 2.5 ล้านเครื่อง จาก 10 ตลาดทั่วโลก แต่แม้จะเรียกคืนเพื่อเปลี่ยนแบตเตอรี่ ก็ยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้ จนเกิดเป็นการเรียกคืนครั้งที่ 2 ก่อนจะนำไปสู่การหยุดจำหน่ายในที่สุด
       
       วิกฤตนี้ซัมซุง ประเมินว่าจะขาดทุนจากการดำเนินงานไม่ต่ำกว่า 5 พันล้านเหรียญสหรัฐ และภาพลักษณ์ความน่าเชื่อถือของบริษัทที่เสียหายจนประเมินมูลค่าไม่ได้
       
       ประเด็นนี้สำนักข่าวนิวยอร์กไทม์ส วิเคราะห์ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นอาจเป็นสัญญาณสะท้อนปัญหาของบริษัทสัญชาติเกาหลีใต้ ซึ่งมีเกมการเมืองเข้ามาพัวพันสูง
       
       *** รับผิดเฉพาะเรื่องไม่ทดสอบ
       
       23 มกราคม 2560 ซัมซุงแถลงว่าจากการพิสูจน์ของวิศวกรมากกว่า 700 คน ซึ่งวิเคราะห์ Note 7 จำนวน 2 แสนเครื่อง ท่ามกลางแบตเตอรี่ 3 หมื่นชิ้น พบว่าข้อผิดพลาดของแบตเตอรี่ใน Galaxy Note 7 สามารถแบ่งได้ออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกผิดพลาดที่กระบวนการผลิตแบตเตอรี่ ซึ่งให้พื้นที่กล่องแบตเตอรี่แคบเกินไป ทำให้อิเล็กโทรดภายในเกิดการกดทับ เป็นเหตุให้ไฟฟ้าลัดวงจร
       
       เมื่อเปลี่ยนแบตเตอรี่จากผู้ผลิตแบตเตอรี่กลุ่มแรกมาเป็นเวอร์ชันที่ปลอดภัยขึ้น ปัญหากลับไม่ได้เบาบางลง ผู้ใช้ยังคงพบปัญหาเครื่องระเบิดหลายกรณี แบตเตอรี่กลุ่มนี้ตรวจสอบแล้วพบปัญหาการผลิตที่ภายในเซลล์แบตเตอรี่ ทำให้เกิดเหตุร้อนจัดและไฟลุกไหม้ที่ตอนกลางแบตเตอรี่
       
       ดี.เจ. โกห์ ประธานซัมซุงโมบาย ประกาศขออภัยทุกส่วนทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการวางจำหน่าย โดยยอมรับผิดว่า เพื่อจะผลิต Note 7 ให้เป็นสุดยอดสมาร์ทโฟน ซัมซุงจึงตั้งเป้าคุณสมบัติแบตเตอรี่ไว้สูงลิ่ว ดังนั้น บริษัทจึงรู้สึกเจ็บปวดมากที่ล้มเหลวเรื่องการทดสอบ ทั้งหมดนี้ ประธานซัมซุงไม่ลืมที่จะย้ำว่า ปัญหาของ Note 7 ทั้งหมดอยู่ที่การออกแบบและการผลิตแบตเตอรี่ ในช่วงก่อนการวางจำหน่ายสินค้าสู่ตลาด
       
       ประธานซัมซุงปกป้องระบบฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ทุกส่วนใน Note 7 โดยบอกว่าระบบชาร์จทั้งแบบไร้สาย และผ่านสาย รวมถึงพอร์ต USB Type-C และคุณสมบัติใหม่อย่างการสแกนม่านตา ล้วนผ่านการทดสอบจากผู้เชี่ยวชาญหลายกลุ่ม
       
       เท่ากับว่าซัมซุงกำลังขอให้ผู้บริโภคมั่นใจกับการซื้อสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ ที่อาจเลื่อนเปิดตัวออกไปจากเดิมที่กำหนดไว้ในเดือนกุมภาพันธ์ 2560
       
       หลังจากโยนความผิดให้แบตเตอรี่ ซัมซุงประกาศแผนเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ขึ้นอีก โดยเปิดตัวระบบทดสอบแบตเตอรี่แบบใหม่ที่บริษัทจะนำมาใช้กับสินค้าที่ประกอบด้วยแบตเตอรี่ลิเธียมไออนทุกประเภท ไม่เฉพาะกับโทรศัพท์มือถือเท่านั้น
       
 

       ซัมซุงระบุว่าระบบทดสอบแบตเตอรี่ใหม่จะมี 8 ขั้นตอน ส่วนหนึ่งใน 8 ขั้นตอนคือระบบทดสอบความทนทานของแบตเตอรี่ จะมีการทดสอบทั้งในกรณีที่มีการชาร์จเกินขนาด การทดสอบแบตเตอรี่ในภาวะอุณหภูมิสุดขั้ว ยังมีการทดสอบด้วยการเอ็กซ์เรย์ เพื่อหาความผิดปกติของแบตเตอรี่ รวมถึงการทดสอบด้านเทคนิคของแบตเตอรี่แบบลงลึก
       
       ทั้งหมดนี้ ซัมซุง ระบุว่า การทดสอบหลายขั้นตอนไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะซัมซุง ดำเนินการทดสอบอยู่แล้วในอุปกรณ์ที่วางจำหน่ายมาก่อนหน้านี้ แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้น คือ ความถี่ในการทดสอบที่จะเพิ่มขึ้น โดยจะเพิ่มการทดสอบที่หลากหลายเพื่อป้องกันไม่ให้มีความผิดพลาดเกิดขึ้นอีก
Note 7 จบสวย?(Cyber Weekend)
        *** ไม่เจ็บตัวเพราะ Note 7
       
       24 มกราคม 2560 ซัมซุงประกาศผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2559 โดยแสดงให้โลกเห็นว่าพิษ Note 7 ไม่ทำให้ซัมซุงสะเทือน เพราะยอดขายชิปที่เพิ่มสูงเป็นประวัติการณ์ทำให้กำไรจากการดำเนินงานของซัมซุงเพิ่มเป็น 9.2 ล้านล้านวอนหรือประมาณ 2.7 แสนล้านบาท โดยวาดหวังอีกว่าปีนี้ จะเป็นอีกปีที่ซัมซุงทำกำไรเพิ่มขึ้น
       
       หากแยกพิจารณาตามกลุ่มธุรกิจ ธุรกิจสมาร์ทโฟนของซัมซุงยังสามารถทำกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 12% ทั้งที่มีวิกฤติ Note 7 ระเบิด จุดนี้ซัมซุงโชว์ตัวเลขว่าธุรกิจโทรศัพท์มือถือซัมซุงทำกำไรเกิน 2.5 ล้านล้านวอนในไตรมาสที่ผ่านมา เนื่องจากมียอดขายสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นในตระกูลแกแล็กซี่เอส (Galaxy S) มาชดเชย
       
       ขณะที่ธุรกิจชิปซึ่งเป็นแหล่งรายได้หลักขับเคลื่อนไตรมาส 4 ให้ซัมซุง สามารถทำกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 77% ต่อปี คิดเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่า 4.95 ล้านล้านวอน
       
       ตอนจบที่ขาวสะอาดผิดสังเกตนี้ทำให้สื่ออเมริกันเชื่อมโยงกับเรื่องอื้อฉาวของผู้บริหารซัมซุง ที่ต่างพ้นผิดจากคดีความ และถูกจับใส่ตระกร้าล้างน้ำจนสะอาดพอกัน จุดนี้มีการวิจารณ์รุนแรงถึงวัฒนธรรมสังคมอุปถัมภ์ของเกาหลี ที่อาจเป็นบ่อนทำลายการพัฒนาเศรษฐกิจในภาพรวม
       
       *** การเมืองเสี่ยงสูง
       
       แม้จะมั่นใจว่าตัวเองสามารถผ่านพ้นวิกฤติ Note 7 และมีรายได้มหาศาลจากธุรกิจชิปมาชดเชยจนทำรายได้เพิ่มขึ้นในปีนี้ แต่ซัมซุงประเมินว่ายังมีความเสี่ยงจากความไม่มั่นคงทางการเมืองทั้งในเกาหลีและในต่างประเทศ ซึ่งอาจทำให้เงินไม่ไหลเข้าซัมซุงเท่าที่ควร
       
       เรื่องนี้เกี่ยวเนื่องกับสถานะครอบครัวผู้บริหารซัมซุง ก่อนหน้านี้ ศาลเกาหลีใต้มีคำสั่งไม่อนุมัติหมายจับนายลี แจ ยอง รองประธานผู้บริหารและทายาทผู้สืบทอดธุรกิจของซัมซุง หลังจากที่คณะอัยการพิเศษของกรุงโซลยื่นขอออกหมายจับทายาทซัมซุงในข้อหารับสินบน ยักยอกเงิน และให้การเท็จในคดีคอร์รัปชั่นของเพื่อนสนิทประธานาธิบดีปัก กึน เฮ
       
       เนื้อหาของคดีนี้คือการกล่าวหาว่าผู้บริหารของซัมซุงมอบเงินให้กับเพื่อนสนิทของผู้นำเกาหลีใต้ 2.8 ล้านยูโร เพื่อให้รัฐบาลสนับสนุนการควบรวมกิจการของบริษัทลูกด้านการก่อสร้าง จุดนี้ ซัมซุงยอมรับว่าเคยมอบเงินบริจาคแก่มูลนิธิ 2 แห่งของเพื่อนสนิทผู้นำเกาหลีใต้ แต่ยืนยันว่าไม่ได้ทำไปเพื่อแลกเปลี่ยนกับผลประโยชน์
       
       การรอดพ้นจากคดีความของผู้นำซัมซุง ถูกนำมาเชื่อมกับตอนจบที่สวยหรูของวิกฤติ Note 7 โดยที่สื่ออเมริกันตั้งข้อสงสัยว่า สาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้ Note 7 ระเบิดนั้นไม่ควรจะฟังจากปากของซัมซุง แต่ควรฟังจากอดีตพนักงาน ซัปพลายเออร์ และหน่วยงานอื่นที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการออกแบบ Note 7 ทั้งระบบมากกว่า
       
       ดังนั้น เชื่อครึ่ง-ไม่เชื่อครึ่ง ก็เป็นทางออกที่ดีไม่น้อยสำหรับเรื่องนี้

 

 

 

ที่มา..ผู้จัดการออนไลน์

 

 


OttO