SEAFCO ผู้นำเสาเข็มเจาะกับเทรนด์อาคารสูง กับ ดร.วิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล และดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ในรายการ Business Model สรุปสาระสำคัญมาให้อ่านกันจากการฟังรายการย้อนหลัง
ลักษณะธุรกิจ
ผู้รับก่อสร้างงานเสาเข็มเจาะ งานฐานรากและงานโยธาทั่วไป โดยรับงานทั้งจากภาคราชการและภาคเอกชน บริษัทสามารถรับงานโดยตรงจากเจ้าของโครงการหรือรับงานช่วงต่อ (Sub-contract) จากผู้รับเหมาก่อสร้างหลัก (Main Contractor) ภาพรวมของบริการของบริษัทสามารถสรุปได้ดังนี้ 1) งานเสาเข็มเจาะ (Bored Pile) 2) งานกำแพงกันดิน (Diaphragm Wall) 3) งานปรับปรุงคุณภาพดิน (Soil Improvement) 4) งานก่อสร้างโยธา ซึ่งรวมถึงงานฐานรากต่างๆ และงานก่อสร้างอาคาร 5) งานบริการทดสอบต่างๆ
ส่วนที ดร.วิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล วิเคราะห์ไว้ในรายการ
- SEAFCO ทำเสาเข็มเจาะ งานฐานราก และกำแพงกันดิน ซึ่งถ้าดูในตลาดหลักทรัพย์จะมีประมาณ 3 รายใหญ่ รายใหญ่สุดมี Market Share ประมาณ 40% ส่วน SEAFCO เองมีส่วนแบ่งประมาณ 20%
- SEAFCO มีงานราชการ 36% ในขณะที่เอกชน 64%
- SEAFCO อยู่ในธุรกิจรับเหมาก่อสร้างที่มีผู้เล่นน้อยราย
- งานฐานรากส่วนใหญ่ Gross Margin อยุ่ประมาณ 17-21% ในขณะที่ EBIT Margin ประมาณ 12% และ Net profit Margin ประมาณ 8% ซึ่งถือว่าสูงถ้าดูจากสภาวะอุตสาหกรรม
- งานรับเหมาประเภทนี้มีการแบ่งเค้กอย่างชัดเจนแล้ว ต่างคนต่างจะไม่ก้าวก่ายกัน และจะไม่มีการลดราคาเพื่อทำลายคู่แข่ง
- วงจรเงินสดของ SEAFCO ดีมาก ประมาณ 30 วัน ในขณะที่ภาพร่วมอุตสาหกรรมจะอยู่ประมาณ 6 -12 เดือน
- การลงทุนของภาครัฐ เป็นปัจจัยบวกต่อกลุ่มอุตสาหกรรม
- ธุรกิจนี้คู่แข่งเข้ามาไม่ง่าย เพราะมีเรื่อง Know How ความสัมพันธ์ของคู่ค้า ชื่อเสียง และที่สำคัญ คือ รายใหญ่ 3 บริษัทกินส่วนแบ่งมากถึง 90% แล้ว
- ถ้าดูจากงบของ SEAFCO แล้วรายได้ประมาณ 1.8-1.9 พันล้าน กำไรก็ประมาณ 150 ล้าน บริษัทโตแบบค่อยเป็นค่อยไป
- P/E 27 เท่า ถือว่าแพง ปันผล 2-3%
- การประเมินมูลค่า ใช้ P/E P/BV และ ROV ได้เลย
- ถ้าดูจากตรงนี้ถือว่า Fairly Value
- แต่สิ่งที่อยากเน้น คือ โครงสร้างรายได้ของ SEAFCO จะเปลี่ยนจากพึ่งเอกชน เปลี่ยนมาเป็นพึ่งภาครัฐมากขึ้น
- ปัจจุบันบริษัทมี Backlog 3.4 พันล้าน
- ถ้าดูจาก ROA เทียบกับสินทรัพย์ ก็ถือว่าเร่งโตได้เต็มที่แล้ว ถ้าบริษัทอยากจะโตมากกว่านี้อาจจะต้องเพิ่มสินทรัพย์ให้มากกว่าเดิม ซึ่งก็ต้องดูต่อไปว่าจะทำอย่างไร
ส่วนที ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร วิเคราะห์ไว้ในรายการ
- ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างน่าจะอิ่มตัวไปหมดแล้ว
- เราจะสังเกตได้ว่า ไม่มีคู่แข่งใหม่ๆเข้ามา นั้นบ่งบอกว่าธุรกิจไม่ได้สวยหรู ไม่ได้กำไรดีมากมายหรือเติบโตมากไปกว่านี้อีกแล้ว บริษัทเก่าๆก็ยังอยู่
- คร่าวนี้ภาครัฐประกาศว่าจะลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ทำให้กลุ่มนี้กลับมาอีกครั้ง คึกคัก นักลงทุนเข้ามาซื้อหุ้น ผมว่าตรงนี้จะพอมีประเด็นประมาณ 4-5 ปี พอถึงตรงนี้เลยเกิดเป็นคำถามว่า หลังจากนั้นละ? บริษัทจะทำอย่างไรต่อ จะหางานใหม่อย่างไร
- เท่าที่ผมสังเกต SEAFCO เป็นบริษัทที่ไม่มีอะไรเพิ่มเลย เขาพอใจของเขาอยู่ตรงนั้น เขาเก่งเฉพาะด้าน
- อย่างในเวียดนาม บริษัทลักษณะนี้ก็มีเหมือนกัน ตอนแรกรับตอกเสาเข็ม พอไปๆมาๆ เริ่มเยอะ ทำไอนั้นด้วย รับงานนี้ด้วย แต่สำหรับประเทศไทย ผมว่ามันอิ่มตัวแล้ว ต่างคนต่างก็มีเค้กเป็นของตัวเอง จะไม่ไปแย่งของใคร
- ผมดูโครงสร้างการเงิน ฐานะทางการเงิน ก็ดูดีนะ ไม่ได้แย่อะไรมาก
- ตอนนี้ PE ของบริษัทอยู่ที่ 27 เท่า นั้นหมายถึงนักลงทุนคาดการว่าบริษัทจะโตได้อีก ซึ่งผมมองว่ามันไม่ได้ยั่งยืนอย่างที่บอกไป หลังจากได้งานภาครัฐแล้วต่อไปจะทำอย่างไรต่อ
- ดูจากบริษัทแล้วเขาค่อนข้าง Consevative นะ ไม่เร่งอะไรมากเพราะรู้ว่าถ้างานหมด ไม่มีรายได้แล้วนะ มีแต่รายจ่าย มีแต่ค่าเสื่อม
- ผมว่าบริษัทก็ดูดีนะ ไม่ได้มีปัญหา มั่นคง อนาคตในอีก 3-4 ปีข้างหน้า มันดีขึ้นแน่จากงานของภาครัฐ แต่หลังจากนั้น ก็ยังเป็นคำถามอยู่
- ปันผลกลางๆ หนี้สินบริษัทมีน้อย
- ผมคิดว่าในอีก 4-5 ปีข้างหน้า บริษัทน่าจะจ่ายปันผลดี ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดนะ ถือว่าปลอดภัยพอสมควร ..
-------------------------------------------------
ขอบคุณแหล่งข้อมูล : รายการ Business Model SEAFCO ผู้นำเสาเข็มเจาะกับเทรนด์อาคารสูง
ดูฉบับเต็มได้ที่นี้เลยครับ