ประสบการณ์หุ้น 12 ข้อ จากนักลงทุนที่บัฟเฟตต์ยังยอมรับ Howard Marks
1. “The biggest investing errors come not from factors that are informational or analytical, but from those that are psychological.”
ข้อผิดพลาดของนักลงทุนไม่ได้มาจากข้อมูลหรือการวิเคราะห์ แต่ล้วนมาจากอารมณ์ของตัวเอง
มีคำพูดหนึ่งที่ผมพิสูจน์มาแล้วตลอดระยะเวลาการลงทุน คือ โอกาสซื้อที่ดีที่สุด มาจากซื้อในขณะที่คนอื่นกำลังขายด้วยความตื่นตระหนก .. จิตวิทยาที่ผิดพลาดของนักลงทุนเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ตลอดเวลาแม้แต่นักลงทุนผู้มากประสบการณ์ การซื้อในขณะที่คนอื่นขายพูดง่ายแต่ทำได้ยาก ถ้าคุณไม่มีประสบการณ์มาก่อน คุณจะโดนมวลชนพัดพาไป อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณอยากจะชนะตลาดได้ในระยะยาว จงเอาชนะอารมณ์ของตัวคุณเอง
2. “Rule No. 1: Most things will prove to be cyclical. – Rule No. 2: Some of the greatest opportunities for gain and loss come when other people forget Rule No. 1.”
กฏข้อแรก เกือบทุกสิ่งล้วนเป็นวัฐจักร กฏข้อที่สอง กฏข้อแรกจะเป็นตัวบอกว่านักลงทุนคนใดกำไร นักลงทุนคนใดขาดทุน
หุ้นไม่มีวันขึ้นหรือลงตลดไป นั้นแสดงว่าทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีการ"หยุด" ไม่ว่าหุ้นจะขึ้นไปถึงไหนก็ต้องหยุด หรือหุ้นที่ลงมีแต่ข่าวร้ายสุดๆ สักวันมันก็ต้องกลับมาเป็นขาขึ้น เราเรียกสิ่งนี้ว่าวัฐจักร .. หุ้นตัวเดียวกันแต่ซื้อต่างเวลากัน นักลงทุนอีกฝั่งทำกำไรได้มหาศาล แต่อีกฝั่งก็ขาดทุนมหาศาลเช่นเดียวกัน นั้นเป็นเพราะนักลงทุนยังไม่เข้าใจคำว่า "วัฐจักร" ดีพอ
3. “We don’t know what lies ahead in terms of the macro future. Few people if any know more than the consensus about what’s going to happen to the economy, interest rates and market aggregates. Thus, the investor’s time is better spent trying to gain a knowledge advantage regarding ‘the knowable’: industries, companies and securities.
เราเสียเวลาไปเท่าไรแล้วกับการคาดการณ์เศรษฐกิจในภาพใหญ่ แทนที่จะเอาเวลาส่วนใหญ่ไปกับการเจาะลึกบริษัท เข้าใจธุรกิจ ความแข็งแกร่งของงบดุล และบริษัทจะมีโครงการอะไรในอนาคต ?
นักลงทุนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจเกี่ยวกับเศรษฐกิจมหัพภาค แต่พวกเขาใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับมันมากที่สุด การลงทุนในหุ้นต้องทำให้มันเป็นเรื่องเบสิคมากที่สุด (simplest possible system) ไม่จำเป็นต้องคิดให้ซับซ้อน ผมมีหลักคิดอยู่เสมอว่า เราไม่ควรพนันในภาพใหญ่
4. “We can make excellent investment decisions on the basis of present observations.
การลงทุนที่ดีมาจากการสังเกตในเรื่องชีวิตประจำวัน
นักลงทุนชั้นเซียนเช่นวอเร็น บัฟตเฟตต์, ชาลี มังเกอร์, ปีเตอร์ ลินซ์ ล้วนแต่ไม่ได้ทำนายภาพใหญ่ หรือคิดแบบนักเศรษฐศาสตร์ แต่มาจากการสังเกตสิ่งที่อยู่รอบตัว และการใช้ชีวิตประจำวัน เช่นโค๊ก บัฟเฟตต์ซื้อโค๊กเพราะเขาชอบดื่มมัน และคิดว่าคนอีกหลายพันล้านคนก็ชอบมัน
5. “There are two essential ingredients for profit in a declining market: you have to have a view on intrinsic value, and you have to hold that view strongly enough to be able to hang in and buy even as price declines suggest that you’re wrong. Oh yes, there’s a third; you have to be right.”
มีกฏ 2 ข้อที่จะสามารถทำกำไรได้ในขณะที่ตลาดกำลังลง ข้อ 1 คุณจะต้องรู้ดีว่าตัวธุรกิจที่คุณถือ"มีมูลค่าโดยเนื้อแท้"(intrinsic value)อยู่ประมาณเท่าไร ข้อ 2 คุณจะต้องมีจิตใจที่เข้มแข็งพอที่จะกล้าถือและซื้อเพิ่มเมื่อราคามันลงต่อ อ่อ! มีข้อ 3 ด้วย คือ คุณจะต้องมั่นใจว่าคุณคิดถูก !
6. “It is our job as contrarians to catch falling knives, hopefully with care and skill. That’s why the concept of intrinsic value is so important. If we hold a view of value that enables us to buy when everyone else is selling – and if our view turns out to be right – that’s the route to the greatest rewards earned with the least risk.”
การรับมีดที่หล่นลงมาจากฟ้า (การเข้าซื้อในขณะที่หุ้นตก - ผู้แปล) เป็นงานของพวกชอบสวนกระแส ซึ่งถ้าคุณอยากจะเป็นอย่างนั้นคุณจะต้องเฝ้าติดตามมันและมีทักษะในการรับมีด คุณจะต้องเข้าใจมูลค่าโดยเนื้อแท้ของหุ้นตัวนั้นๆ คุณจะต้องมีความมั่นใจในตัวเองที่จะกล้าบอกว่ามุมมองของคุณถูก ในขณะที่คนอื่นกำลังขายหุ้นตัวนั้นๆออกมา และสักวันหนึ่งเมื่อมันถูกพิสูจน์ว่าคุณคิดถูก คุณจะได้กำไรมหาศาลจากการรับมีด.
--------------------------
ติดตามต่อ ตอนที่ 2 ครับ
แปลและเรียบเรียงใหม่โดย SiTd LoRd PaCk
ขอบคุณแหล่งข้อมุลจาก 25iq.com