Top10 หุ้นไทยฝรั่งเมิน เทขายมากที่สุดแห่งปี
สำหรับหุ้นที่ต่างชาติขาย (ข้อมูล ณ วันที่ 24 ธ.ค.63) บทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กรุงศรี จำกัด (มหาชน) รายงานว่า หุ้นที่นักลงทุนต่างชาติขายมากที่สุด (Net Sell) ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน (1 ม.ค.-23 ธ.ค.63) ประกอบด้วย 1.SCB เม็ดเงินรวม 18,169.8 ล้านบาท 2.scc เม็ดเงินรวม 16,202.2 ล้านบาท 3.PTT เม็ดเงินรวม 16,006.0 ล้านบาท 4.ADVANC เม็ดเงินรวม 10,738.6 ล้านบาท 5.KBANK เม็ดเงินรวม 10,492.7 ล้านบาท 6.INTUCH เม็ดเงินรวม 9,620.2 ล้านบาท 7.GULF เม็ดเงินรวม 7,454.4 ล้านบาท 8.CPALL เม็ดเงินรวม 6,538.1 ล้านบาท 9.TMB เม็ดเงินรวม 6,239.8 ล้านบาท และ 10.EGCO เม็ดเงินรวม 5,638.1 ล้านบาท
SCB ยังไม่น่าสนใจ เมื่อเทียบกับหุ้นตัวอื่นในเซ็คเตอร์
โดยหุ้นธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ SCB ซึ่งเป็นหุ้นที่ต่างชาติเทขายมากที่สุด ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ให้มุมมองว่า นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยเกือบทุกตัวในช่วงครึ่งปีแรก 2563 แต่ตอนหลังทยอยซื้อคืนกลับเข้าพอร์ตใหม่ตามฟันด์โฟลว์ที่ไหลเข้าประเทศ ทำให้ราคาหุ้นแบงก์ปรับขึ้นทั้งเซ็คเตอร์ SCB และ KBANK จัดเป็นหุ้นแบงก์ใหญ่ 2 ตัวที่มีความเสี่ยงมากกว่าแบงก์ใหญ่อื่นๆ เนื่องจากพอร์ตสินเชื่อเป็นกลุ่มเอสเอ็มอีขนาดเล็ก ซึ่งกลุ่มนี้ได้รับผลกระทบหนี้เสียจากสถานการณ์ Covid-19 และต้องใช้ระยะเวลาฟื้นตัวค่อนข้างนาน แม้ว่าจะมีมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้จากภาครัฐก็ตาม แต่ในภาพใหญ่เมื่อการท่องเที่ยวยังไม่ฟื้นตัว ก็ยิ่งทำให้ลูกหนี้ฟื้นตัวยากกว่าตัวอื่น
SCC กำลังจะกลับโตแรง
ขณะที่หุ้นที่ถูกเทขายหนักอีกตัวอย่าง SCC หรือบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) นักวิเคราะห์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด ประเมินว่า แนวโน้มผลประกอบการของ SCC คาดจะเข้าสู่แนวโน้มของการกลับมาเติบโตใหม่ในระยะ 3 -5 ปีข้างหน้า ซึ่งเป็นการเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากการลงทุนสูงในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต นั่นคือ ธุรกิจปิโตรเคมี กำลังการผลิตจะเพิ่มขึ้น 70% ธุรกิจบรรจุภัณฑ์ครบวงจร ตั้งเป้า จะโตเป็น 2 เท่าใน 5 ปีข้างหน้า ธุรกิจปูนซีเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เน้นเซอร์วิสและโซลูซั่นไปลูกค้ารีเทล โดยนักวิเคราะห์ได้ปรับประมาณการกำไรปีนี้และปีหน้าเพิ่มขึ้น 7% คาดกำไรปี 2563 สามารถเติบโตได้ 9.6% หรือคิดเป็น 35,097 ล้านบาท และปี 2564 จะเติบโตต่อ 5.6% หรือที่ 37,075 ล้านบาท
PTT ยังลงทุนได้อยู่
ส่วนหุ้น PTT หรือบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ที่ถูกเทขายกว่า 16,006 ล้านบาทนั้น นักวิเคราะห์ บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) มองว่า กำไรในไตรมาส 4/63 ของ PTT จะดีกว่าที่คาดไว้เดิม ด้วยปัจจัยแวดล้อมที่เป็นบวกทั้งราคาน้ำมันดิบที่สูงขึ้นต่อเนื่องในระดับ 50 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งจะช่วยให้ราคาขายเฉลี่ยของ PTTEP สูงขึ้น และธุรกิจโรงกลั่นจะมีกำไรจากสต็อกน้ำมัน ประกอบกับค่าการกลั่นดีขึ้นกว่าไตรมาสที่แล้ว รวมถึงสเปรดผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี ยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และปัจจัยปริมาณค้าปลีกน้ำมันของ OR ที่ฟื้นตัว และสุดท้ายคือค่าเงินบาทที่แข็งค่าอย่างมาก จะช่วยให้มีกำไร จาก FX ทั้งนี้เราปรับประมาณการกำไรของ PTT เพิ่มขึ้น 6% ในปี 2563-2564 โดยยังไม่ได้รวมกำไรพิเศษ (สต็อกน้ำมัน+FX) ที่น่าจะเกิดขึ้นในไตรมาส 4/63
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก