ห้องเม่าปีกเหล็ก

Good Night News

โดย Sunnyday
เผยแพร่ :
71 views

Good Morning News โดยกองทุนบัวหลวง, มิตรแท้ตลอดเส้นทางลงทุน
22 ธันวาคม 2559
...................................
เมธา พีรวุฒิ, Fund Management

 

 

 

 

 

Guru Quote

“เมื่อระมัดระวังที่จะลงทุนจนมากเกินไป ย่อมกลายเป็นความเสี่ยงที่น่ากลัวที่สุดสำหรับการลงทุน”
J. Nehru

 

General News

• สภาผู้แทนราษฏรอิตาลีอนุมัติให้รัฐบาลขอกู้ยืมเงินกว่า 2 หมื่นล้านยูโร เพื่อช่วยเหลือด้านการเงินกับภาคการธนาคารของประเทศ ทั้งนี้คาดเงินกู้ส่วนใหญ่จะถูกนำไปช่วยเหลือธนาคาร Banca Monte dei Paschi di Siena (BMPS) ที่กำลังประสบปัญหาสภาพคล่องอย่างหนัก จนอาจกระเทือนต่อระบบเศรษฐกิจของอิตาลีโดยรวม แต่อย่างไรก็ตาม มาตรการดังกล่าวยังติดขัดกฎระเบียบของสหภาพยุโรป (EU) ว่าด้วยการให้ความช่วยเหลือของภาครัฐ

• สมาพันธ์อุตสาหกรรมอังกฤษ (CBI) เปิดเผยว่า ดัชนียอดค้าปลีกของอังกฤษเดือนธันวาคมเพิ่มขึ้นสู่ 35 จากเดือนก่อนที่ 26 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 1 ปี เนื่องจากยอดขายเสื้อผ้าและวัสดุภัณฑ์ปรับตัวดีขึ้น แต่ CBI ยังกังวลว่า อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นจากเงินปอนด์อ่อนค่า อาจสร้างแรงกดดันต่อสภาพการบริโภคในปีหน้า

• ธนาคารกลางสวีเดนหรือ “ริกส์แบงก์” ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ -0.5% ซึ่งเป็นอัตราต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ รวมทั้งขยายวงเงินซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในครึ่งแรกของปี 2560 อีก 3 หมื่นล้านโครนา (3.2 พันล้านดอลลาร์)

• นายมอริส อ็อบส์ทเฟลด์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ระบุว่า ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯเป็นจุดเปลี่ยนด้านนโยบายของสหรัฐฯ ซึ่งส่งผลกระทบต่อมูลค่าและกิจกรรมทางเศรษฐกิจในวงกว้าง โดยประเทศกลุ่มตลาดเกิดใหม่ที่มีหนี้สินเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อาจเผชิญปัญหาสภาพคล่องหรืองบดุลที่แย่ลง เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยสกุลเงินดอลลาร์ปรับสูงขึ้น ขณะที่สกุลเงินภายในประเทศอ่อนค่าลง

• รายงานของสำนักงานคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นประจำเดือนธันวาคมระบุว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นฟื้นตัวปานกลาง และจะปรับตัวดีขึ้นอย่างช้าๆ ในบางส่วน นับเป็นครั้งแรกที่รัฐบาลญี่ปุ่นปรับเพิ่มการประเมินภาวะเศรษฐกิจนับตั้งแต่เดือนมีนาคมของปีที่ผ่านมา หลังประเมินว่าการส่งออกและการบริโภคภาคเอกชนดีขึ้น อย่างไรก็ตาม รัฐบาลญี่ปุ่นยังกังวลต่อการลงทุนของภาคธุรกิจ รวมถึงผลกระทบจากความผันผวนในตลาดเงินและตลาดทุน หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ขึ้นอัตราดอกเบี้ย

• ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติเป็นเป็นเอกฉันท์ ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% และคงอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยในปี 2559 และ 2560 ไว้เท่ากันที่ 3.2% โดยระบุว่า การบริโภคภาคเอกชนและการส่งออกจะดีขึ้น ขณะที่มาตรการเพิ่มเติมต่างๆ จากภาครัฐจะช่วยชดเชยการลงทุนภาคเอกชน รวมทั้งการท่องเที่ยวที่อาจปรับลดลง ส่วน ปัจจัยเสี่ยงนั้นยังมาจากเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวช้าเกินคาด พร้อมกับความไม่แน่นอนในนโยบายการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ รวมถึงจำนวนนักท่องเที่ยวจีนซึ่งอาจน้อยกว่าคาดการณ์

• รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ระบุว่า ยอดส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปในเดือนพฤศจิกายนลดลงจากปีก่อน 3.12% เหลือ 98,477 คัน เนื่องจากเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าหลัก เช่น ในตะวันออกกลาง แอฟริกา และอเมริกากลาง ต่างชะลอตัว ทั้งนี้ยอดส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปในช่วง 11 เดือนแรกของปี ลดลงจากปีก่อน 1.42% เหลือ 1,102,395 คัน คิดเป็นมูลค่า 585,478 ล้านบาท โดย ส.อ.ท.ตั้งเป้าส่งออกรถยนต์ในปี 2560 ไว้ที่ 1.2 ล้านคัน

• สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) รายงานดัชนีเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนพฤศจิกายนว่า ปรับขึ้นสูงสุดในรอบ 20 เดือน สู่ 87.6 และยังเป็นการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 เนื่องด้วยมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายของภาครัฐ สร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ประกอบการผลิตสินค้าเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับการจับจ่ายในช่วงปลายปี อย่างไรก็ตาม ดัชนีความเชื่อมั่นคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า ปรับตัวลง สะท้อนความกังวลในราคาวัตถุดิบและค่าจ้างที่สูงขึ้น รวมถึงความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน

• ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า จะเร่งเปิดประมูลโครงการทางคู่ 5 เส้น รวม 668 กิโลเมตร มูลค่า 9.58 หมื่นล้านบาท โดยจะเปิดให้เสนอราคาประมูลในระบบ e-auction ให้ได้ภายในเดือนมีนาคม 2560 ทั้งนี้ โครงการคู่ 5 เส้น ประกอบด้วย เส้นทางนครปฐม-หัวหิน, หัวหิน-ประจวบคิรีขันธ์, ประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร, มาบกะเบา-จิระ และลพบุรี-ปากน้ำโพ

 

Equity Market

• SET Index (21 ธ.ค.) ปิดที่ 1,508.57 จุด ลดลง 3.08 จุด หรือ -0.2% มูลค่าซื้อขายรวม 34,609.97 ล้านบาท ตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ เช่นเดียวกับตลาดในภูมิภาค ปัจจัยเสี่ยงหลักของตลาดยังคงเป็นประเด็นความเร็วในการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) หลังการจ้างงานปรับดีขึ้น ทั้งนี้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่สูงขึ้นจะเพิ่มแรงกดดันต่อค่าเงินบาทที่อ่อนค่า รวมทั้งการไหลออกของเม็ดเงินต่างชาติจากตลาดหุ้นในภูมิภาค

 

สรุปยอดสุทธิการซื้อขายของแต่ละกลุ่ม


นักลงทุนสถาบัน +98.32 ล้านบาท
บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ +427.02 ล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติ -2,606.07 ล้านบาท
นักลงทุนทั่วไป +2,080.72 ล้านบาท

 

 

Fixed Income Market

• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้น โดยเปลี่ยนแปลงในช่วง +0.00% ถึง +0.07% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 39,359.53 ล้านบาท ในวันนี้มีการประมูลพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อายุ 2 ปี มูลค่า 35,000 ล้านบาท


Sunnyday