นายโรเบิร์ต ไรค์ (Robert Reich)อดีตรัฐมนตรีแรงงานสมัยประธานาธิบดีคลินตัน และปัจจุบันเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยUniversity of California at Berkeley อธิบายความแตกต่างของโมเดลเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา และโมเดลของจีนได้ค่อนข้างชัดเจนเลยทีเดียว
ในบทความ “Forget China – it's America's own economic system that's broken” หรือให้ลืมจีนไปเถอะ เศรษฐกิจของอเมริกาล่มเองไปแล้ว นายReichอธิบายว่า ระบบทุนนิยมของสหรัฐอเมริกามุ่งเน้นไปที่การเพิ่มผลตอบแทนผู้ถือหุ้น และมันก็บรรลุเป้าหมายนั้น โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดหุ้น S&P 500ทำสถิติสูงสุดที่ระดับ2,954จุด
แต่คนอเมริกันโดยทั่วไปไม่ได้มีรายได้ที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญมาเป็นเวลา40ปีแล้ว เมื่อเทียบกับเงินเฟ้อ
S & P 500 เป็นดัชนีตลาดหุ้น ที่อิงมูลค่าตลาดรวมของ500บริษัทใหญ่ของอเมริกา โดยมีหุ้นจดทะเบียนในตลาดหุ้นนิวยอร์ค ตลาดหุ้นแนสแด็ค หรือตลาดCboe BZX Exchange
ตลาดหุ้นไม่ได้สะท้อนการกินดีอยู่ดีของประชาชนโดยทั่วไป แต่ประธานาธิบดีทรัมป์มักจะอ้างว่าเศรษฐกิจของสหรัฐดีขึ้น โดยดูได้จากดัชนีของตลาดหุ้นที่สูงขึ้น
ธนาคารกลางของสหรัฐ (US Federal Reserve)ดำเนินนโยบายการเงินดูจะมุ่งดูแลผลประโยชน์หรือกำไรของธนาคารในวอลล์สตรีท และเสถียรภาพของตลาดหุ้นS&P 500เป็นหลัก เรื่องเงินเฟ้อ เรื่องเศรษฐกิจ หรือการจ้างงานในระบบเศรษฐกิจเป็นเรื่องรองลงไป
ในทางตรงกันข้าม Reichเขียนต่อไปว่า ระบบเศรษฐกิจของจีนมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มประสิทธิภาพของประเทศจีนให้สูงสุด และจีนก็ทำได้
เมื่อ40ปีที่แล้ว จีนยังคงเป็นประเทศที่ล้าหลัง และเป็นสังคมเกษตรกรรม วันนี้จีนกลายเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของโลก โดยเป็นที่ตั้งของอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และบริษัทเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าของโลกหลายแห่ง
ในช่วงสี่ทศวรรษที่ผ่านมาคนจีนหลายร้อยล้านคนได้หลุดพ้นจากความยากจน
ระบบเศรษฐกิจของสหรัฐและของจีนมีความแตกต่างกันโดยพื้นฐาน
หัวใจหลักของระบบเศรษฐกิจของสหรัฐคือ 500 บริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีสำนักงานใหญ่ในสหรัฐอเมริกา แต่มีการผลิต การซื้อและการขายทั่วโลก พนักงานครึ่งหนึ่งของ500บริษัทยักษ์ใหญ่ไม่ใช่คนอเมริกัน ทำงานอยู่นอกประเทศ หนึ่งในสามของผู้ถือหุ้นของบริษัทยักษ์ใหญ่เหล่านี้ไม่ใช่คนอเมริกัน
บริษัทยักษ์ใหญ่ของอเมริกาไม่มีความจงรักภักดีต่อประเทศสหรัฐอเมริกาแต่อย่างใด ความจงรักภักดีหรือความรับผิดชอบอย่างเดียวของพวกเขาคือ การตอบแทนผู้ถือหุ้นเท่านั้น
บริษัทยักษ์ใหญ่จะทำทุกอย่างเพื่อให้ราคาหุ้นขึ้นสูงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ รวมถึงกดราคาแรงงาน การต่อสู้กับสหภาพแรงงาน เปลี่ยนพนักงานเป็นผู้รับเหมา เอาท์ซอสงานออกไปทั่วโลกเพื่อให้ได้ชิ้นส่วนที่ราคาถูกที่สุด ย้ายผลกำไรไปทั่วโลกไปยังที่อัตราภาษีต่ำที่สุด แต่ในขณะเดียวกันจ่ายเงินเดือน ค่าตอบแทนหรือโบนัสให้ผู้บริหารสูงที่สุด
ในทางกลับกัน หัวใจหลักของเศรษฐกิจของจีนนั้นเป็นรัฐวิสาหกิจที่สามารถกู้ยืมเงินจากธนาคารของรัฐในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำมาก รัฐวิสาหกิจจะทำหน้าที่คอยถ่วงดุลการขึ้นๆลงๆของเศรษฐกิจ ด้วยการเพิ่มการลงทุนเมื่อเอกชนลังเลใจที่จะลงทุน
บริษัทรัฐวิสาหกิจเป็นเครื่องยนต์ในการผลักดันการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่จำเป็นต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมาก รวมถึงการลงทุนในเทคโนโลยีชั้นนำ
ผู้ดำเนินนโยบาย และบริษัทของจีนจะทำทุกอย่างเพื่อปรับปรุงคุณภาพชีวิตของชาวจีน และสร้างประเทศจีนให้กลายเป็นเศรษฐกิจที่มีขนาดใหญ่ที่สุดและทรงพลังที่สุดของโลก
ระบบอเมริกันอาศัยเงินภาษี เงินอุดหนุนและข้อบังคับเพื่อบีบให้บริษัททำคุณประโยชน์เพื่อประชาชนชาวอเมริกัน แต่มันไม่ค่อยจะมีผลเมื่อเทียบกับเป้าหมายที่สำคัญที่สุดขององค์กรในการเพิ่มผลตอบแทนผู้ถือหุ้น
ตัวอย่างเช่นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว Walmart บริษัทนายจ้างรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐอเมริกาประกาศว่าจะเลิกจ้างพนักงาน 570 คนแม้จะได้รับความช่วยเหลือจากทรัมป์และพรรครีพับลิกันจากนโยบายลดภาษีนิติบุคคลทำให้ได้เงินเข้ามามากกว่า 2,000ล้านดอลลาร์
เมื่อปีที่แล้ว บริษัท ปิดร้านSam’s Clubหลายสิบแห่งทำให้คนอเมริกันหลายพันคนไม่มีงานทำ
ในเวลาเดียวกัน Walmartใช้เงินกว่า 20,000ล้านดอล่าร์เพื่อซื้อคืนหุ้นของตัวเอง ซึ่งเป็นการช่วยเพิ่มค่าตอบแทนของผู้บริหารWalmart และทำให้ผู้ถือหุ้นรวยขึ้น โดยที่เศรษฐกิจโดยรวมไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย
ในเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา การลดภาษีของทรัมป์นั้นไม่ได้ช่วยคนงานอเมริกันแต่อย่างไร แต่กลับทำให้ผู้บริหารองค์กรและนักลงทุนรายใหญ่รวยขึ้น
กองทุนการเงินระหว่างประเทศรายงานว่า แทนที่บริษัทที่ได้ลดหย่อนภาษีจะนำเงินที่ได้ไปลงทุนในธุรกิจของตน แต่กลับเอาเงินไปซื้อหุ้นคืน
แต่เดี๋ยวก่อน. อเมริกาเป็นประชาธิปไตยและจีนเป็นเผด็จการใช่ไหม?
ความเป็นจริงแล้ว คนอเมริกันส่วนใหญ่มีอิทธิพลต่อนโยบายสาธารณะน้อยมาก หรือแทบจะไม่มีเลย ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมการลดภาษีของทรัมป์จึงช่วยประชาชนน้อยมาก
ศาสตราจารย์ Martin Gilens แห่งมหาวิทยาลัย Princeton และ Benjamin Page แห่งมหาวิทยาลัยNorthwesternได้ศึกษานโยบายสาธารณะ 1,799ฉบับที่ออกโดยสภาคอนเกรซ และพบว่าคนอเมริกันโดยเฉลี่ยได้ประโยชน์น้อยมากจากนโยบายสาธาณะเหล่านี้
แต่ผู้ร่างกฎหมายในสภาคอนเกรซจะตอบสนองต่อความต้องการของคนที่รวยอยู่แล้ว (โดยทั่วไปคือผู้บริหารระดับสูงขององค์กรและผู้มีอิทธิพลในวอลล์สตรีท) และ บริษัทขนาดใหญ่ พวกนักล็อบบี้ที่มีเงินหนา
อย่าโทษ บริษัทอเมริกันเลย พวกเขากำลังทำธุรกิจเพื่อทำกำไร และเพิ่มราคาหุ้นของพวกเขาแต่ไม่ใช่เพื่อรับใช้อเมริกา
แต่เนื่องจากอิทธิพลของบริษัทยักษ์ใหญ่ในการเมืองอเมริกัน และความมุ่งมั่นที่จะสร้างราคาหุ้นแทนที่จะมุ่งทำให้คนอเมริกันกินดีอยู่ดี มันจึงเป็นความเขลาที่จะไว้วางใจให้บริษัทยักษ์ใหญ่ในการสร้างงานชาวอเมริกัน หรือเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันให้อเมริกา
แทนที่จะพยายามให้จีนเปลี่ยนแปลง คนอเมริกันควรลดการครอบงำของ บริษัทอเมริกันใหญ่ ๆ ที่มีเหนือนโยบายของอเมริกา
จีนไม่ใช่เหตุผลที่ครึ่งหนึ่งของคนอเมริกันไม่ได้มีค่าแรงงานเพิ่มในสี่ทศวรรษที่ผ่านมา ความจริงง่ายๆคือชาวอเมริกันไม่สามารถเจริญรุ่งเรืองได้ภายในระบบที่ดำเนินการโดย บริษัทยักษ์ใหญ่ที่มุ่งเน้นการสร้างราคาหุ้นมากกว่าช่วยคนอเมริกัน
คำถามคือประเทศไทยในขณะนี้กำลังดำเนินนโยบายเศรษฐกิจตามโมเดลของสหรัฐ หรือตามโมเดลของจีน?
thanong
25/6/2019
https://www.theguardian.com/commentisfree/2019/jun/23/china-america-economic-system-xi-jinping-trump