หรือคุณจะ..ตกเป็นเหยื่อนักปั่นหุ้น ...
โดย Start-to-invest (www.moneywellplan.com)
วันนี้ผมจะมาเล่าถึงเรื่องความผิดเกี่ยวกับการปั่นหุ้น หรือในศัพท์กฎหมายจะเรียกว่าการสร้างราคาหลักทรัพย์ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่ผู้ลงทุนควรต้องรู้และไม่ตกเป็นเหยื่อของขบวนการปั่นหุ้นนะครับ
หุ้นปั่นหรือหุ้นที่ถูกสร้างราคา คือลักษณะของหุ้นที่มีราคาหรือปริมาณเปลี่ยนแปลงไป โดยไม่มีปัจจัยพื้นฐาน หรือข้อมูลสารสนเทศรองรับ โดยมีสภาพการซื้อขายหุ้นผิดไปจากสภาพปกติจากที่เคยมีมาในอดีตโดยไม่มีเหตุผลสนับสนุน และไม่ตรงกับสภาพการซื้อขายของตลาดโดยรวม และมักพบว่า ความผิดปกตินั้นเกิดจากการ กระทำโดยเจตนาของบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่ไม่ประสงค์ดี เอาเปรียบผู้ลงทุนรายอื่นโดยใช้วิธีหรือมีพฤติกรรมในการสั่งซื้อหรือขายหุ้นไม่ว่าจะปั่นให้ราคาขึ้นหรือลง หรือพยุงราคา เพื่อทำให้คนทั่วไปเข้าใจผิดเกี่ยวกับราคาหรือปริมาณการซื้อขาย หรือส่งคำสั่งซื้อขายในลักษณะต่อเนื่องกันโดยมุ่งให้ราคาหรือปริมาณการซื้อขายนั้นผิดไปจากสภาพปกติของตลาด ดังนั้น ผู้ลงทุนจึงควรต้องระมัดระวังในการจะเข้าไปซื้อขายหุ้นที่มีลักษณะนี้ หุ้นที่มักถูกขบวนการปั่นหุ้นเข้าไปปั่นนั้น มักเป็นหุ้นที่มีมูลค่าทางตลาดต่ำเนื่องจากใช้เงินทุนจำนวนน้อย มีสภาพคล่องในการซื้อขายน้อย มีจำนวนหุ้นหมุนเวียน (ฟรีโฟลต) น้อย หรือมีปัจจัยพื้นฐานไม่ค่อยดี
พฤติกรรมการปั่นหุ้นมีหลากหลายรูปแบบ เช่น เริ่มต้นจากที่กลุ่มปั่นหุ้นมักจะเก็บสะสมหุ้นในราคาต่ำ และหาวิธีไล่ราคาหุ้นขึ้นไป เพื่อจูงใจให้ผู้ลงทุนรายใหม่เข้ามาซื้อ แล้วก็หาจังหวะปล่อยหุ้นเมื่อราคาถึงเป้าหมาย ถ้าถามว่าแล้วปล่อยหุ้นไปตอนไหน คำตอบคือ ทยอยตั้งขายไประหว่างที่เขาทำทีซื้อนั่นเอง ผู้เคราะห์ร้ายคือ ผู้ลงทุนรายย่อยที่เข้าไปซื้อหุ้นตามแต่ยังไม่ได้ขาย เพราะเห็นว่ายังมีแรงซื้อหนาแน่นอยู่ สุดท้ายต้องติดดอยในที่สุด ทั้งนี้ พฤติกรรมของพวกปั่นหุ้นมักทำเป็นขบวนการ มีการกระจายเปิดพอร์ตการลงทุนไว้กับหลายโบรกเกอร์ในชื่อที่แตกต่างกันเพื่อโยนหุ้นไปมาสร้างดีมานด์/ซัพพลายเทียม จนทำให้ผู้ลงทุนรายอื่นเข้าใจผิดและซื้อขายตาม รวมถึงอาจมีการปล่อยข่าวเท็จ เช่น สร้างข่าวว่าหุ้นตัวนี้กำลังจะมีข่าวดี ซึ่งยุคโซเชียลมีเดียทำให้การกระจายข่าวทำได้ง่ายมาก
การจะเข้าไปชี้ว่ามีการปั่นหุ้น หรือหาตัวคนปั่นหุ้นนั้น ก.ล.ต.มีกระบวนการและขั้นตอนที่จะต้องพิสูจน์กันด้วยหลักฐานที่ค่อนข้างแน่นหนา ซึ่งการตรวจสอบจะเริ่มจากที่ตลาดหลักทรัพย์คอยทำหน้าที่สอดส่องดูแลการซื้อขายหลักทรัพย์แบบเรียลไทม์ หากพบว่ามีความน่าสงสัยหรือผิดปกติ ก็จะแจ้งมายัง ก.ล.ต.เพื่อตรวจสอบเชิงลึก และรวบรวมหลักฐานเพิ่มเติมโดยใช้อำนาจพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายหลักทรัพย์
การจับปั่นหุ้นมีเป็นระยะๆ นะครับ หากดูสถิติจะพบว่า ปี 2559 ทั้งปี ได้กล่าวโทษและเปรียบเทียบปรับผู้ปั่นหุ้นไปทั้งสิ้น 7 คดี ลงโทษผู้กระทำผิดไป 32 คน ได้รับเงินค่าปรับส่งกระทรวงการคลังกว่า 21 ล้านบาท ซึ่งความผิดปั่นหุ้นปัจจุบันใช้กระบวนการลงโทษทางแพ่งตามกฎหมายหลักทรัพย์ได้ ซึ่งสามารถปรับได้ถึงสองเท่า และเรียกผลประโยชน์ที่ได้ไปคืนทั้งจำนวนอีกด้วย ซึ่งผมจะหาโอกาสมาเล่ารายละเอียดเรื่องมาตรการลงโทษทางแพ่งกันต่อไป
เพื่อเป็นการแก้ปัญหาแบบครบวงจร ก.ล.ต.ให้ความสำคัญกับการแก้ไขตั้งแต่จุดเริ่มต้นคือการ เตรียมความพร้อมของบริษัทที่จะระดมทุน การทำหน้าที่ของที่ปรึกษาทางการเงิน กระบวนการจัดสรรหุ้นโดยผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ (อันเดอร์ไรเตอร์) และการกลั่นกรองคุณภาพบริษัทจดทะเบียน จนถึงการร่วมมือกับตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อติดตามการซื้อขายหลักทรัพย์ที่มีสภาพผิดปกติและลงโทษ ผู้กระทำผิดตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดทุกกรณี แต่ถึงจะจับปั่นหุ้นได้มากเพียงใด ก็คงเป็นเรื่องปลายเหตุนะครับ ต้องขอย้ำว่า ผู้ลงทุนเองควรต้องดูแลตัวเอง อย่าตกเป็นเหยื่อปั่นหุ้น ควรดูแลเงินทองที่หามาด้วยความยากลำบาก ก่อนจะลงทุนควรต้องศึกษาข้อมูลหรือสอบถามจากผู้เชี่ยวชาญก่อน อย่าหลงเชื่ออะไรง่ายๆ จะมีโอกาสเสียหายได้มากนะครับ สุดท้ายนี้ ผู้ที่สนใจข้อมูลความรู้เกี่ยวกับกฎหมายหลักทรัพย์ สามารถเข้าไปที่ www.sec.or.th/secact ซึ่งจะมีข้อมูลสรุป รวมถึงวิดีโอที่แบ่งเป็นตอนๆ ในรูปแบบที่เข้าใจง่าย ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์ต่อการทำหน้าที่ของกรรมการและ ผู้บริหารบริษัทจดทะเบียน รวมถึงผู้ลงทุนและประชาชนทั่วไป หากมีเวลาเข้าไปศึกษากันนะครับ