หุ้น Beauty กลับมาได้รับความน่าสนใจอีกครั้งหลังจากผู้บริหารมั่นใจผลงานไตมาส 1/62 เติบโตดีขึ้นการดำเนินกลยุทธ์ต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศจีนเป็นไปตามที่วางแผนไว้
นายพีระพงษ์ กิติเวชโภคาวัฒน์ กรรมการ BEAUTY เปิดเผยว่า แนวโน้มผลดำเนินงานไตรมาส 1/62 คาดเติบโตดีขึ้น จากกลยุทธ์ขยายตลาดต่างประเทศเชิงรุก 15 ประเทศ และเน้นรุกตลาดประเทศจีนอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทวางเป้าหมายรายได้ปี 62 เติบโตมากกว่า 20% พร้อมรักษาอัตรากำไรสุทธิมากกว่า 25%
ทั้งนี้ บริษัทปรับกลยุทธ์รุกตลาดจีนเพิ่มขึ้น เนื่องจากตลาดเครื่องสำอางของประเทศจีนถือว่าเป็นตลาดที่ใหญ่มากและมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง มีมูลค่าตลาดรวมสูงกว่า 1.2 ล้านล้านบาท ล่าสุด ได้เซ็นสัญญาแต่งตั้ง Carrot Mall ตัวแทนจำหน่ายรายใหญ่บุกตลาดหลัก (General Trade) ในจีน รวมถึงจะเน้นการจำหน่ายผ่านช่องทาง Cross Border E-commerce หรือการซื้อขายออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์ม และการจำหน่ายทั้งแบบค้าปลีกและค้าส่งผ่านลูกค้ารายย่อยหรือนักท่องเที่ยวจีน เชื่อว่าจะมียอดจำหน่ายเพิ่มมากขึ้น
สำหรับงบลงทุนปีนี้บริษัทวางไว้ราว 50 - 60 ล้านบาท สำหรับใช้ในการขยายสาขา วางระบบ และลงทุนด้านอีคอมเมิร์ช โดยตั้งเป้าหมายในปี 2565 จะมีรายได้แตะระดับ 10,000 ล้านบาท
- นักวิเคราะห์มองอย่างไร
ในขณะที่นักวิเคราะห์มองว่าหุ้น BEAUTY ยังมีความเสี่ยงในช่วงสั้น จากผลการดำเนินงานไตรมาส 4/61 ที่ยังไม่สดใส คาดกำไรลดลงถึง 36% y-o-y ต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 3 ก่อนที่จะกลับมาฟื้นตัวในช่วงกลางปีนี้
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส คาดการณ์กำไร 4Q61 ปรับลงถึง 36% y-o-y เป็น 262 ล้านบาท ถือว่าออกมาต่ำกว่าที่เราและตลาดคาด และเป็นไตรมาสที่ 3 แล้วที่กำไรปรับลง y-o-y สาเหตุคือ ยอดขายและอัตรากำไรที่ปรับลง ซึ่งมีผลตามมาจากจำนวนลูกค้าจีนที่ฟื้นตัวช้า ยอดขาย Retail ของตนเอง (บิวตี้ บุฟเฟ่ต์ บิวตี้ คอทเทจ และบิวตี้ มาร์เก็ต) , 7-Eleven อ่อนและการขายส่งที่จีนซบเซา รวมทั้งจีนเข้มงวดในสินค้าที่เข้ามาจีน
อีกทั้งแนวโน้มอัตรากำไรปรับลดลงในระยะกลาง เพราะช่องทางที่ให้อัตรากำไรขั้นต้นสูงคือ Retail แต่บริษัทขยายไปช่องทางอื่นๆ คือ Modern Trade และต่างประเทศที่มีอัตรากำไรขั้นต้นต่ำกว่า ยังผลให้สัดส่วนยอดขายที่มาจาก Retail ลดลง แต่กว่าจะกลับมาฟื้นตัวคาดว่าเป็น 2Q62 ตามการฟื้นตัวของลูกค้าจีนที่จะกลับมาไทย และฐานเปรียบเทียบที่ต่ำ
แนะนำ ถือ ปรับลดประมาณการปี 61 และ 62 ในอัตราปีละ 11% ด้วยสมมุติฐานรายได้และอัตรากำไร EBIT ที่ลดลงยังผลให้ราคาพื้นฐานใหม่ปรับลดเป็น 8.00 บาท
บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุผลประกอบการระยะหลังของ BEAUTY ยังถูกกดดันจากนักท่องเที่ยวจีนสาขากรุงเทพฯชั้นในที่ชะลอตัว และการแข่งขันด้านราคาที่รุนแรง ซึ่งเราเชื่อว่ายังส่งผลต่อเนื่องมาถึง 4Q18 ทำให้เมื่อเทียบกับ 4Q17 ที่ฐานสูง คาดว่ากำไรจะลดลง 9% Q-Q และ 27% Y-Y เหลือ 300 ลบ.
ถ้าเป็นไปตามนี้ กำไรทั้งปี 2018 จะ -5% Y-Y อยู่ที่ 1,168 ลบ. ลดลงครั้งแรกตั้งแต่เข้าตลาด เพราะฉะนั้น แม้ว่า PE2019 จะต่ำเพียง 15 เท่า แต่เรายังคงแนะนำขาย ราคาเป้าหมาย 7 บาท เพราะโครงสร้างอุตสาหกรรมและการแข่งขันได้เปลี่ยนไปแล้ว