ห้องเม่าปีกเหล็ก

ญี่ปุ่นผู้จงรักภักดี จีนผู้ทรยศหักหลัง!

โดย ศักดิ์
เผยแพร่ :
65 views

สหัฐอเมริกาสร้างญี่ปุ่นให้เจริญเติบโตหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 จนกระทั่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกในระยะต่อมาก่อนที่จะเสียแชมป์ให้กับจีน เฉกเช่นเดียวกัน สหรัฐอเมริกาก็สร้างจีนให้เจริญเติบโตหลังสงครามเย็น จนกระทั่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกแทนญี่ปุ่น

ส่วนข้อแตกต่างระหว่างญี่ปุ่นกับจีน คือ " ญี่ปุ่นคือผู้จงรักภักดี ส่วนจีนคือผู้ที่ทรยศหลักหลัง " เพราะญี่ปุ่นระลึกถึงบุญคุณของสหรัฐอเมริกาและให้ความร่วมมือกับสหรัฐอเมริกาตลอดเวลาที่ผ่านมาอย่างสมํ่าเสมอต้นเสมอปลาย ส่วนจีนนั้น นอกจากจะไม่สํานึกถึงบุญคุณของสหรัฐอเมริกาแล้ว ยังคิดการใหญ่ในการที่จะยึดครองสหรัฐอเมริกา และโลกมาเป็นเมืองขึ้นของจีนเองด้วยโครงการ " Made in China 2025 ", " One Belt-One Road " และ " Huawei's 5G rollout "  และอีกไม่นานจีนจะได้รับบทเรียนแห่งการเป็นผู้ทรยศหลักหลังครั้งนี้อย่างสาสม ด้วยแผนการ และขั้นตอนการฆ่าจีนของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ดังนี้ คือ :

แผนการ และขั้นตอนการฆ่าจีนของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ :

1) ค่อยๆลดดอกเบี้ย Fed Fund Rate แบบค่อยเป็นค่อยไป เพื่อให้จีนตายใจ

2) ปรับขึ้นภาษีสําหรับสินค้าที่เหลืออีกจํานวน 325,000 ล้าน USD จาก 0% เป็น 25% แบบทันทีทันใด เพื่อให้จีนไม่ทันตั้งตัว

3) เมื่อเห็นว่าจีนอ่อนแรงแล้วจากการตกงานของคนงานชาวจีนเป็นล้านๆคน หรือหลายล้านคน ค่าเงินหยวนของจีนอ่อนค่าอย่างรุนแรง จากการปรับขึ้นภาษีจาก 0% เป็น 25% ของสินค้านําเข้าจากจีนทั้งหมดจํานวน  250,000 + 325,000  = 575,000 ล้าน USD  แล้ว สหรัฐอเมริกาก็จะปรับดอกเบี้ย Fed Fund Rate ขึ้นทันทีทันควัน แบบไม่ให้จีนตั้งตัวอีกเช่นเดียวกัน ซึ่งจะเป็นการตอกฝาโลงศพจีนในหมัดสั่งชุดสุดท้ายนี่เอง! เพราะหนี้สินของจีนสูงถึง 260% ของ GDP ( หนี้สาธารณะ ( 50% ) + หนี้ภาคเอกชน ( 210%)  และทนต่อสภาวะดอกเบี้ยที่สูงๆไม่ได้ และแล้ว เมื่อถึงวันนั้นจีนก็จะประสบปัญหาเงินเฟ้อเหมือนกับที่เกิดขึ้นในเวเนซูเอลาในปัจจุบัน และซิมบับเวในอดีต

และในที่สุดแล้ว ผลที่เกิดขึ้นหลังนั้นก็คือจีนก็จะล่มจม จากการเป็นผู้ที่ทรยศหลักหลังสหรัฐอเมริกา เหมือนกับที่สหภาพโซเวียตล่มสลายในปี ค.ศ 1989 อย่างใดอย่างนั้นเลยหละ คร๊าบ พี่น้อง!

หมายเหตุ : โปรดติดตามการ Long และ Short Set 50 Index Futuresในระยะยาวได้ใน longtunbysak.blogspot.com

 

 

ศักดิ์