ส่องพื้นฐานหุ้นตระกูล “เจมาร์ท”
กูรูยังเชียร์ “ซื้อ” สวนทางราคาร่วง

.
ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นกลุ่ม “ตระกูลเจมาร์ท” ยังคงมีการปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากการสำรวจราคาย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน (ณ วันที่ 17 ก.พ. 66) JMART ปรับตัวลดลง 33.13% , JMT ปรับตัวลดลง 33.70% , SINGER ปรับตัวลดลง 39.83% และ SGC ปรับตัวลดลง 27.42%
.
โดย นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการบริษัทหลักทรัพย์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) มองว่าจากราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลง เชื่อว่ารับรู้ข่าวร้ายไปมากแล้ว ซึ่งในระยะสั้นโอกาสที่จะเห็นสัญญาณของราคาหุ้นปรับตัวลงแรงๆ เริ่มจำกัดแล้ว จึงมองว่าราคาหุ้นมีโอกาสฟื้นตัว
.
ส่วนการเกิด Force Sell หรือการถูกบังคับขายหุ้น ตามที่ตลาดคาดการณ์จนสร้างความกังวลให้แก่นักลงทุนนั้น ประเมินว่าโอกาสเกิดขึ้นเป็นไปได้ยาก เนื่องจากผู้บริหารมีแหล่งเงินทุนจากการขายบิ๊กลอตให้แก่สถาบัน เพื่อเตรียมมารองรับในกรณีที่เกิดความจำเป็นไว้แล้ว อย่างไรก็ดีหากไม่มีแผนการรับการมือ ก็อาจส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นที่รุนแรงกว่าที่ตลาดคาด
.
ขณะที่การนำของบริษัทใช้เป็นหลักประกันในการกู้เงินจากโบรกเกอร์ โดยส่วนตัวมองว่าเป็นสิ่งที่ทำได้และไม่ใช่เรื่องที่ผิดแต่อย่างใด เพราะเป็นการใช้เครื่องมือในตลาดทุนมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อลดต้นทุนไฟแนนซ์ให้ถูกกว่าการกู้สินเชื่อรูปแบบอื่น แต่อย่างไรก็ดีถือเป็นความเสี่ยงหากราคาหุ้นที่ใช้เป็นหลักประกันปรับตัวลงมาแรง
.
[ ส่องปัจจัยพื้นฐาน ]
ด้านบทวิเคราะห์จากบล. เอเซีย พลัส ได้ปรับลดประมาณกำไรสุทธิปี 2566-2567 ของ JMART เนื่องจากกําไรโดยรวมทั้งปี 2565 ต่ำกว่าที่เคยประเมินไว้ 18% บวกกับมีการปรับลดคาดการณ์กําไรของ JMT ไปแล้วก่อนหน้านี้ ทําให้ต้องปรับคาดการณ์กําไรของ JMARTลง
.
โดยได้ปรับสมมติฐานหลัก คือ ปรับลดรายได้ปี 2566 ลง 7% และปรับลด 5% สําหรับปี 2567 ขณะที่ปรับลดกําไรขั้นต้น รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขาย ในปี 2566 – 2567 ตามยอดขายที่ลดลง ซึ่งทําให้คาดการณ์กําไรปกติปี 2566 – 2567 ลดลงจากเดิม 21% - 36% เหลือ 1.4 พันล้านบาท (เติบโตจากปีก่อนหน้า 19%) และ 1.7 พันล้านบาท (เติบโตจากปีก่อนหน้า 18%) ตามลําดับ
.
ทั้งนี้ราคาเป้าหมายที่ประเมินด้วยวิธี Sum of the Part และปรับส่วนลดจากมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ(NAV) จากเดิม 10% เป็น 15% ทําให้ราคาเป้าหมายปี 2566 ลดจาก 55 บาท เหลือ 43 บาท ซึ่งอิงราคาเป้าหมาย ของ JMT ที่ 65 บาท และ SINGER ที่ 29 บาท แต่อย่างไรก็ตามยังคงคําแนะนํา “ซื้อ” JMART โดยคาดหวังกําไรที่เติบโตดีขึ้นในปี 2566 เป็นต้นไป
.
ขณะที่ JMT บทวิเคราะห์จากบล. เอเซีย พลัส ได้ปรับลดประมาณการกําไรสุทธิปี 2566-2567 ลง 15.3% และ 20.1% จากเดิม สะท้อนผลกระทบจากภาวะเงินเฟ้อและการเพิ่มทุนบริษัทย่อย JAM จํานวน 9.9% ของทุนชําระแล้ว ให้บจ. กสิกร อินเวสเจอร์ (บ. ย่อยของ KBANK) มูลค่า 3.5 พันล้านบาท ทําให้ JMTจะรับรู้กําไรจาก JAM ลดลงบ้าง จากการถือหุ้นใน JAM ลดลงเหลือ 90.01% (เดิม JMT ถือหุ้น JAM 99.99%)
.
ทั้งนี้ ภายหลังปรับประมาณการ คาดกําไรสุทธิปี 2566-2567 จะเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 22.9% เป็น 2.14 พันล้านบาท และเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 19.1% เป็น 2.55 พันล้านบาท เนื่องจากรายได้ธุรกิจบริหารหนี้เติบโตสอดคล้องกับพอร์ตลูกหนี้ และการตัดมูลค่าเงินลงทุนในลูกหนี้ด้อยคุณภาพที่หมดลงต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังได้ผลบวกจากแนวโน้มส่วนแบ่งกําไรจาก JK AMC ที่จะเริ่มรับรู้ส่วนแบ่งกําไรตั้งแต่ไตรมาส 3/65
.
ดังนั้นยังคงแนะนำ “ซื้อลงทุนระยะกลางถึงยาว” และราคาเป้าหมายที่ 65 บาท เนื่องจากราคาหุ้นสะท้อนข่าวร้ายไปมากแล้ว และนอกจากนี้ JMT ยังประกาศจ่ายปันผลสําหรับงวดครึ่งปีหลังปี 65 เท่ากับ 0.59 บาท คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสําหรับงวดครึ่งปีหลังปี 65 ที่ 1.2%
.
ด้าน SINGER บทวิเคราะห์จากบล.เคจีไอ ได้ปรับประมาณการกำไรปี 2566 และ 2567 ลง 37% เหลือ 926 ล้านบาทและ 36% เหลือ 1.18 พันล้านบาท ตามอัตราการเติบโตของยอดขายเครื่องใช้ไฟฟ้าปี 2566 และ 2567 เป็นลดลง 5% และเพิ่มขึ้น 10% ,อัตราการเติบโตของสินเชื่อ H/P เป็นลดลง 5% และลดลง 10%
.
รวมไปถึงเพิ่มค่าใช้จ่ายหนี้เสียต่อสินเชื่อ (credit cost) เป็น 3% และ 2.5% และลดผลตอบแทนจากสินเชื่อลงเหลือปีละ 16.5% จึงคาดว่ากำไรจะพลิกกลับมาการเติบโตได้ในปี 2567 พร้อมกับแนะนำกลยุทธ์การลงทุนเป็น “ถือ” และราคาเป้าหมายที่ 24 บาท
.
สุดท้าย SGC บทวิเคราะห์จากบล. เอเซีย พลัส ได้ปรับลดประมาณการกําไรสุทธิปี 2566-67 ลง 8% และ 13% ผลกระทบจากภาวะเงินเฟ้อ ภายหลังปรับประมาณการ คาดกําไรสุทธิปี 2566 ยังเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 27% เป็น 848 ล้านบาท จากแนวโน้มสินเชื่อสุทธิปี 2566 ที่เติบโตได้ 33% จากปีก่อนหน้า ด้วยการเร่งปล่อยสินเชื่อจํานําทะเบียนรถบรรทุกมากขึ้น จึงยังคงแนะนำ “ซื้อลงทุนระยะกลางถึงยาว” และกําหนดราคาเป้าหมายที่ 5.60 บาท