ห้องเม่าปีกเหล็ก

ถอดพื้นฐานธุรกิจ CPF-TU-SINGER

โดย littleboy
เผยแพร่ :
175 views

ถอดพื้นฐานธุรกิจ CPF-TU-SINGER

หลังงัดไม้ตาย! ซื้อหุ้นคืนสูงสุดถึง 5 พันล้านบาท

 

.

เมื่อไม่นานมานี้มีบริษัทใหญ่แห่ประกาศมาตรการซื้อหุ้นคืน ซึ่งแน่นอนว่ามาตรการดังกล่าว ส่งผลต่อ sentiment เชิงบวกกับหลายๆหลักทรัพย์ที่ประกาศมาตรการออกมา อย่างไรก็ตามกลยุทธ์การซื้อหุ้นคืน ถือเป็นมาตรการที่บริษัทจดทะเบียน นิยมนำมาใช้เพื่อพยุงราคาหุ้น

.

โดยการซื้อหุ้นคืน ก็คือการที่บริษัทนำเงินสดไปซื้อหุ้นคืนจากผู้ถือหุ้น ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะมาซื้อคืนกันในตลาด หลังจากนั้นก็รายงานในหน้าข่าวของตลาดหลักทรัพย์ในแต่ละวันว่า ซื้อเท่าไหร่บ้าง โดยผู้ถือหุ้นรายไหนไม่อยากที่จะถือต่อ ก็สามารถตั้งราคาขายหุ้นให้บริษัทนั้นๆรับซื้อคืน

.

ขณะที่ข้อดีของการซื้อหุ้นคืน ถ้าในแง่ของความรู้สึก จะบ่งบอกถึงการส่งสัญญานของผู้บริหารว่า ราคาหุ้นต่ำเกินพื้นฐานบริษัทแล้ว นอกจากนี้จากจำนวนหุ้นที่ลดลงจะทำให้อัตรากำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) สูงขึ้นอีกด้วย เนื่องจากหุ้นที่ซื้อคืนจะโดนหักออกไปจากจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัทที่ใช้ในการคำนวณกำไรต่อหุ้น

.

ส่วนข้อเสียของการซื้อหุ้นคืน อาจจะทำให้บริษัทเสียโอกาสนำเงินดังกล่าวไปลงทุนในโครงการอื่นๆ เพื่อสร้างการเติบโตในระยะยาว และอีกแง่มุมหนึ่งเมื่อบริษัทมีการขายหุ้นที่ซื้อคืน ก็จะทำให้กำไรต่อหุ้นอาจจะกลับมาสู่จุดเดิมหรือต่ำกว่าถ้าไม่สามารถสร้างส่วนของกำไรให้เติบโตได้

.

อย่างไรก็ตามในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ก็มี 3 บริษัทยอดนิยมของนักลงทุน ได้ประกาศมาตรการซื้อหุ้นคืน ไม่ว่าจะเป็น CPF ระบุว่า มีมติออกโครงการซื้อหุ้นคืนเพื่อบริหารทางการเงิน ในวงเงินไม่เกิน 5,000 ล้านบาท โดยจำนวนหุ้นที่จะซื้อคืนจำนวน 200 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท คิดเป็น 2.32% ของหุ้นที่จำหน่ายได้ทั้งหมด ซึ่งจะซื้อด้วยวิธีการจับคู่อัตโนมัติผ่านระบบซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์ กำหนดระยะเวลาที่ซื้อหุ้นคืน ตั้งแต่วันที่ 19 ธ.ค. 65 ถึง 18 มิ.ย. 66

.

ส่วนสาเหตุในการซื้อหุ้นคืน เนื่องจากราคาหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี ซึ่งภายหลังการซื้อหุ้นคืนจะทำให้อัตราผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้น (ROE) และกำไรต่อหุ้น(EPS) สูงขึ้น

.

เช่นเดียวกันกับ TU อนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืนเพื่อบริหารทางการเงิน ในวงเงินสูงสุดไม่เกิน 3,000 ล้านบาท เป็นจำนวนหุ้นที่ซื้อคืนไม่เกิน 200 ล้านหุ้น คิดเป็นไม่เกิน 4.19% ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด โดยกำหนดรับซื้อตั้งแต่วันที่ 3 ม.ค.-30 มิ.ย.66 ผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

.

โดยการซื้อหุ้นคืนเพื่อบริหารสภาพคล่องส่วนเกินของบริษัท และเพิ่มอัตราผลตอบแทนให้แก่ส่วนของผุ้ถือหุ้น (ROE) รวมถึงเพิ่มอัตรากำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) และเป็นการสร้างความเชื่อมั่นต่อผู้ลงทุนและผู้ถือหุ้น ในศักยภาพการสร้างรายได้และกำไรในอนาคต รวมถึงฐานการเงินที่แข็งแกร่ง

.

และล่าสุด SINGER มีมติอนุมัติโครงการซื้อหุ้น เพื่อบริหารทางการเงิน ภายในวงเงินไม่เกิน 640 ล้านบาท จำนวนหุ้นที่จะซื้อคืนไม่เกิน 18,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ หุ้นละ 1 บาท หรือคิดเป็นจำนวนไม่เกิน 2.19% ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด ทั้งนี้จะเริ่มต้นวันที่ 23 ธ.ค.65 จนถึงวันที่ 23 มี.ค.66

.

สำหรับเหตุผลในการซื้อหุ้นคืนเพื่อเป็นการบริหารสภาพคล่องส่วนเกินของบริษัท ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ประกอบกับเพื่อเพิ่มอัตราผลตอบแทนให้แก่ส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) อัตรากำไรสุทธิ (EPS) และเพิ่มมูลค่าทางบัญชีต่อหุ้น (Book Value Per Share) รวมทั้งเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ถือหุ้น

.

ส่วนในแง่ของปัจจัยพื้นฐานของทั้ง 3 บริษัท โดยเริ่มจาก CPF มุมมองของนักวิเคราะห์บริษัท หลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ประเมินว่า ปรับประมาณการกำไรปี 2565 ขึ้น 11% เป็น 1.66 หมื่นล้านบาท เติบโต 27.15%จากปีก่อน และปรับประมาณการกำไรปี 2566-67 ขึ้น 0.01% และ 2% เป็น 1.79 หมื่นล้านบาท และ 1.95 หมื่นล้านบาท เพื่อสะท้อนราคาสุกรและไก่เนื้อในประเทศที่สูงขึ้น แต่ลดราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 ลงเป็น 31.2 บาท จาก 31.4 บาท โดยแนะนำ Outperform

.

ขณะที่ TU โดยมุมมองนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด มีความเห็นว่า แนะนำ “ซื้อ” ปรับราคาเป้าหมายปี 66 เป็น 23 บาท ด้วยแนวโน้มกำไรไตรมาส 3/65 ที่สูงกว่าคาด แม้ว่าไตรมาส 4/65 อาจเห็นการอ่อนตัวตามฤดูกาล แต่ทำให้ภาพรวมกำไรปี 65 ดีกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้า

.

ดังนั้นจึงปรับประมาณการกำไรปี 65-66 ขึ้นราว14% และ 5% จากประมาณการก่อนหน้า มาอยู่ที่ 7,886 ล้านบาท (ลดลง 2%จากปีก่อน) และ 7,949 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 1%จากปีก่อนหน้า) ตามลำดับ ด้านธุรกิจของ Red Lobster จะค่อยๆ ดีขึ้น จากการปรับราคาขาย และปรับปรุงการดำเนินงานภายใน

.

ส่วน SINGER นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แนวโน้มธุรกิจอยู่ในช่วงเก็บเกี่ยวทั้งจำนำทะเบียน และเช่าซื้อ รวมถึงการได้เงินสนับสนุนเพิ่มทุน PP และ RO รวม 1 หมื่นล้านบาทจะช่วยเร่งการเติบโตในปี 65-66 คาดสินเชื่อขยายตัวสู่ 1.6 หมื่นล้านบาท (โต 60%), 2.3 หมื่นล้านบาท (โต 44%) และคาดกำไรปี 65-66 อยู่ที่ 1 พันล้านบาท เติบโต 47% และ 1.3 พันล้านบาท เติบโต 19%จากปีก่อน รวมการลดสัดส่วนถือหุ้น SGC เหลือ 75% แล้ว

.

ขณะที่ ระยะสั้น คาดกำไรไตรมาส 4/65 ยังมีลุ้น New high ต่อเนื่องจากพอร์ตสินเชื่อโต ส่วน Valuation ราคาซื้อขาย P/BV ลดเหลือ 1.7 เท่า จากเดิมสูง 4-5 เท่า นอกจากนี้บริษัทประกาศซื้อหุ้นคืน 18 ล้านหุ้น วงเงิน 640 ล้านบาท (Imply เฉลี่ยราคาซื้อคืน 35.5 บาท) ในเวลารับซื้อคืนสั้นเพียง 3 เดือน (23 ธ.ค. -23 มี.ค.) ขณะที่ ราคาปรับลงมามาก และอยู่ในโซนที่น่าสนใจ ซื้อกลับ จึงแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 39 บาท

 

 


littleboy