โบรกเตือนแรงเทขายทำกำไร ให้นํ้าหนัก‘การเมือง’นำ‘สงครามการค้า’
โบรกฯ เตือนแรงเทขายทำกำไร หลัง SET Index 4 เดือนแรกปรับขึ้นกว่า 7% ให้นํ้าหนัก “การเมืองในประเทศ” นำ “สงครามการค้า” ลุ้นไฮไลต์ “เลือกนายกฯ-จัดตั้งรัฐบาลใหม่” โบรกฯ คาดดัชนีหุ้นเดือนพ.ค.ไม่หลุด 1620 จุด แรงหนุน MSCI เพิ่มนํ้าหนักลงทุนในหุ้นไทยประคอง
จากสถานการณ์ที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ขู่จะปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน วงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สู่ระดับ 25% จากระดับ 10% มีผลตั้งแต่วันที่ 10 พฤษภาคมนี้ โดยอ้างเหตุเนื่องจากการเจรจาการค้าระหว่าง 2 ประเทศ มีความคืบหน้า “ช้าเกินไป” อีกทั้งมีแผนจะเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนวงเงินอีก 3.25 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในอัตรา 25% ในไม่ช้านี้
นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทรีนีตี้ จำกัด กล่าวกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่าไม่ใช่เรื่องแปลก การขู่ของประธานาธิบดี “ทรัมป์” มีให้เห็นมาตลอดในช่วง 1-2 ปีนี้ ช่วงแรกอาจเห็นตลาดหุ้นทั่วโลกปรับลงรุนแรง แต่ยังมีสัญญาณดีจากผู้นำจีน นายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน ที่ประกาศเดินหน้าเจรจาการค้า โดยจะเดินทางไปเจรจาที่กรุงวอชิงตัน วันที่ 9 -10 พฤษภาคมนี้ จึงต้องรอดูว่าผลการเจรจาท้ายสุดจะเป็นเช่นไร
“การที่ดัชนีตลาดหุ้นหลักปรับตัวลงแรง ส่วนหนึ่งเพราะช่วงที่ผ่านมาได้ปรับขึ้นไปแล้วค่อนข้างมาก (ดัชนีดาวโจนส์ 4 เดือนแรกปรับขึ้น 13.8% ตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตของจีน ปรับตัวขึ้น 23.4%) ซึบซับข่าวดีที่คาดหวังกันว่าการเจรจาการค้าจีน-สหรัฐฯ จะได้ข้อยุติไปแล้ว ดังนั้นเมื่อปธน.ทรัมป์ขู่จะขึ้นภาษีอีก ตลาดหุ้นจึงผิดหวังเกิด Collapse ลงแรง และประเด็นเรื่องสงครามการค้ายังเป็นเรื่องรบกวนตลาดหุ้นต่อเนื่องทั้งปี จนกว่าจะมีการเซ็นสัญญาข้อตกลงการค้าว่าจะยุติการขึ้นภาษี”
อย่างไรก็ดีปัจจัยที่มีนํ้าหนักต่อตลาดหุ้นไทย ยังเป็นเรื่องการเมืองในประเทศมากกว่า เห็นได้จากปริมาณการซื้อขายในช่วง 2 เดือนลงมามาก SET Index แกว่งไซด์เวย์กรอบแคบ เนื่องจากนักลงทุนยังชะลอการลงทุน และตราบที่การเมืองยังอยู่ในภาวะสุญญากาศ เชื่อว่าภาวะตลาดยังเป็นเช่นนี้ตลอดทั้งเดือน จนกว่าจะมีไฮไลต์คือ การเลือกนายกรัฐมนตรี และฟอร์มทีมตั้งรัฐบาลใหม่
“คาด SET Index เดือนพฤษภาคมจะไม่หลุดกรอบ 1620-1670 จุด ส่วนหนึ่งมาจากการที่ MSCI ปรับเกณฑ์คำนวณหุ้นใน NVDR เพิ่มนํ้าหนักการลงทุนในหุ้นไทย ที่จะมีผลปลายเดือนนี้คาดจะมีเงินกองทุนต่างชาติไหลเข้า 6 หมื่นล้านบาท ช่วยประคับประคองตลาดหุ้นไทยไปได้”
ด้านบล.กรุงศรีฯ ระบุในบทวิเคราะห์ว่าดัชนีหุ้นไทย 4 เดือนแรก (ม.ค.-เม.ย.) ปรับตัวขึ้นมากว่า 7% ขณะที่บริษัทใน SET 100 กว่า 40 บริษัทให้ผลตอบแทนร้อนแรงเกิน 10% และมีอีก 25 บริษัทให้ผลตอบแทนเกิน 20% การปรับขึ้นดังกล่าวได้สะท้อนคาดการณ์ผลกำไรที่คาดว่าจะออกมาดีในไตรมาส 1/2562 จึงมีความเป็นไปได้สูงที่นักลงทุนจะทยอยขายทำกำไร หลังจากที่บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ประกาศงบไตรมาส 1/2562 ออกมาทั้งหมดในช่วงวันที่ 15 พฤษภาคม 2562
อย่างไรก็ดีคาด SET Index จะลดลงในกรอบจำกัด 1650-1690 จุด เนื่องจากยังมีแรงเก็งกำไรจาก MSCI ปรับเพิ่มนํ้าหนักการลงทุนในหุ้นไทยที่จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 29 พฤษภาคม 2562 หลังจากที่ MSCI ปรับเกณฑ์คำนวณนํ้าหนักการลงทุน โดยให้รวมการลงทุนของต่างชาติใน NVDR ส่งผลให้นํ้าหนักการลงทุนของตลาดหุ้นไทยในดัชนี MSCI EM จะเพิ่มขึ้นจาก 2.3% เป็น 2.8% คิดเป็นมูลค่าเงินลงทุนที่เพิ่มขึ้นประมาณ 2.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 7 หมื่นล้านบาท
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก