เปิด 5 โจทย์ใหญ่ท้าทาย 5
แคนดิเดต ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยคนใหม่
.
จากกรณีที่ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คนปัจจุบัน จะครบวาระการดำรงตำแหน่ง 5 ปี ในวันที่ 30 กันยายน 2568 ซึ่งตามธรรมเนียม การสรรหาผู้ว่าการธปท. คนใหม่จะเริ่มขึ้นตั้งแต่เดือนมีนาคม 2568
.
ข้อมูลปรากฎตามสื่อที่นำเสนอต่อสาธารณะระบุว่านายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เปิดเผยว่า จะมีการตั้งคณะกรรมการสรรหาผู้ว่าการธปท. ในเดือนมกราคม 2568 ซึ่งเป็นกระบวนการที่ได้รับความสนใจอย่างมากจากแวดวงการเงินและเศรษฐศาสตร์
-----
ตามรายงานของสื่อสำนักข่าวฐานเศรษฐกิจนำเสนออ้างอิง แหล่งข่าวระบุว่าขณะนี้มีบุคคลที่แสดงความสนใจสมัครเข้ารับการคัดเลือกอย่างน้อย 5 คน ซึ่งล้วนมีประสบการณ์และคุณสมบัติที่เหมาะสมตาม พ.ร.บ. ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้แก่
.

1) ดร.สุทธาภา อมรวิวัฒน์ (อายุ 51 ปี)
ตำแหน่งปัจจุบัน: ประธานกรรมการบริหาร SCB Abacus
ประสบการณ์:
อดีตรองผู้จัดการใหญ่ และ Chief Economist ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB)
เคยทำงานที่ IMF (กองทุนการเงินระหว่างประเทศ) ประเทศสหรัฐอเมริกา
เคยบริหารงานด้านความเสี่ยงที่ ING Group ประเทศเนเธอร์แลนด์
จุดเด่น: มีประสบการณ์ด้านเศรษฐศาสตร์ การวิเคราะห์ข้อมูล และเทคโนโลยีทางการเงิน
----
2) ดร.ปิติ ตัณฑเกษม (อายุ 55 ปี)
ตำแหน่งปัจจุบัน: ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทยธนชาต (TTB)
ประสบการณ์:
เคยเป็นกรรมการบริหารของธนาคารธนชาต และธนาคารทหารไทย
เคยดำรงตำแหน่งสำคัญในบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม
เคยเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีในสมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
จุดเด่น: มีประสบการณ์บริหารธนาคารพาณิชย์และหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ รวมถึงความเชี่ยวชาญด้านการเงินและนโยบายเศรษฐกิจ
----
3) ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล (อายุ 57 ปี)
ตำแหน่งปัจจุบัน: กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ
ประสบการณ์:
อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
ปัจจุบันเป็นประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO)
จุดเด่น: มีประสบการณ์ทั้งในภาครัฐและเอกชน มีความเชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์และตลาดทุน
----
4) ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ (อายุ 54 ปี)
ตำแหน่งปัจจุบัน: อธิบดีกรมธนารักษ์
ประสบการณ์:
อดีตอธิบดีกรมสรรพสามิตและกรมสรรพากร
อดีตประธานกรรมการ ธนาคารกรุงไทย และบริษัท การบินไทย
เคยดำรงตำแหน่งสำคัญในองค์กรระหว่างประเทศอย่าง OECD & UNDP
จุดเด่น: มีประสบการณ์บริหารหน่วยงานภาครัฐ การคลัง และการกำกับดูแลภาษี
----
5) ดร.สันติธาร เสถียรไทย (อายุ 43 ปี)
ตำแหน่งปัจจุบัน: กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) และที่ปรึกษา TDRI
ประสบการณ์:
อดีต Group Chief Economist และกรรมการผู้จัดการ Sea Group (บริษัทแม่ของ Garena, Shopee และ Seamoney)
อดีตผู้บริหารฝ่ายเศรษฐกิจเอเชียของ Credit Suisse
เคยเป็นคณะกรรมการ Digital Readiness Council ของรัฐบาลสิงคโปร์
จุดเด่น: มีมุมมองเศรษฐกิจยุคใหม่ ความเชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจดิจิทัลและเทคโนโลยี
----
ตัวเต็งในการแข่งขัน
จากรายชื่อแคนดิเดต มี 2 คนที่ถูกมองว่าเป็นตัวเต็ง ได้แก่
- ดร.สุทธาภา อมรวิวัฒน์ : ได้รับแรงสนับสนุนจากแวดวงการเมือง และมีประสบการณ์ด้านเทคโนโลยีการเงิน
.
- ดร.ปิติ ตัณฑเกษม : มีความสามารถและประสบการณ์ในการบริหารธนาคารพาณิชย์ รวมถึงการทำงานร่วมกับภาครัฐ
------
การแต่งตั้งผู้ว่าแบงก์ชาติคนใหม่จะมีผลกระทบต่อทิศทางเศรษฐกิจของประเทศ จึงเป็นกระบวนการที่ได้รับการจับตามองอย่างใกล้ชิด และจากสถานการณ์เปราะบางทางเศรษฐกิจ การเงิน การลงทุนในปัจจุบัน Business Tomorrow รวบรวมโจทย์ที่ท้าทายต่อผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยในช่วงสำคัญดังนี้
1) การดำเนินนโยบายการเงินอย่างเหมาะสมในภาวะเศรษฐกิจไทยอ่อนแอ เงินเฟ้อต่ำใกล้ศูนย์ แต่หนี้ครัวเรือนอยู่ในระดับสูง
2) นโยบายดอกเบี้ย ควรลดหรือไม่ ในบริบทที่รัฐบาล เอกชน ส่งสัญญาณ แต่ในธนาคารกลางสหรัฐฯเริ่มลังเล และระวังเงินเฟ้อจากนโยบายตั้งกำแพงภาษีของ ประธานาธิบดี
โดนัลด์ ทรัมป์
3) รักษาเสถียรภาพค่าเงินบาทในยุคสงครามการค้า ที่อาจทำให้เกิดความผันผวนของกระแสเงินลงทุนโลก และความเสี่ยงต่อการใช้แนวทางลดค่าเงินเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน และกลายเป็นสงครามค่าเงิน
4) รับมือกับการบริหารจัดการปัญหาหนี้ครัวเรือนสูง ความเสี่ยงหนี้เสีย การเข้าถึงสินเชื่อ จากสถิติปี 2567 ที่สินเชื่อระบบธนาคารพาณิชย์หดตัวลง 0.4% ซึ่งเป็นการหดตัวครั้งแรกในรอบ 15 ปี จากความการระมัดระวังในการปล่อยกู้ และความเข้มงวดของเกณฑ์การปล่อยสินเชื่อ
สะท้อนถึงปัญหาของสภาพคล่องในระบบการเงิน
5) เตรียมโครงสร้างเศรษฐกิจไทยให้พร้อมสำหรับอนาคตเงินดิจิทัล ที่กำลังมีบทบาทมากขึ้นในระดับโลก และจากแนวนโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่สนับสนุนการนำบิทคอยน์มาเป็นทุนสำรอง และผลักดันการเติบโตของอุตสาหกรรม และธุรกรรมคริปโทฯ
ที่มา https://web.facebook.com/share/p/15zecp82XJ/