เงินดอลล่าร์อ่อนค่าครั้งนี้เข้าใกล้การอ่อนค่าสุดในรอบ 13 เดือน เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ หวังทรัมป์ปฏิรูปภาษีและกระตุ้นเศรษฐกิจโดยเร็ว
ภาพจาก pixabay โดย mediamodifier
ฝ่ายบริหารของสหรัฐอเมริกาได้มีความดื้อดึงเกิดขึ้นแล้ว จากการสอบสวนรัสเซียที่ถูกกล่าวหาว่าเข้ามาแทรกแซงการเลือกตั้งของสหรัฐกำลังเป็นกระแสหลังจากที่โฆษกประจำทำเนียบขาว ฌอน สไปเซอร์ ประกาศลาออก ทำให้มีการจับตามองว่าจะเกิดความวุ่นวายภายในทำเนียบขาวหรือไม่
ดัชนีเงินดอลลาร์ตอนนี้ได้ต่ำลงอย่างมากเมื่อเทียบในกลุ่มค่าเงินหลัก 6 สกุลเงิน และในรอบ 13 เดือน
จูนิชิ อิชิกาวะ นักวิเคราะห์ค่าเงินอาวุโสแห่ง IG securities Tokyo ได้กล่าวว่า โอกาสที่ค่าเงินดอลลาร์ตีกลับขึ้นมาในระยะสั้นนั้นต้องอาศัยการฟื้นตัวของผลตอบแทนในสหรัฐฯ ซึ่งตัวผลตอบแทนนี้มันสัมพันธ์กับเสถียรภาพการเมืองของสหรัฐฯอย่างมาก ฉะนั้นเราต้องการข้อมูลที่แน่นปึ้กเพื่อให้อัตราผลตอบแทนหลุดพ้นจากระดับต่ำ
อเมริกาใช้ระยะเวลา10 ปี เป็นมาตรฐานในการกำหนดอัตราผลตอบแทนตั๋วเงินคลัง ซึ่งมีระดับต่ำมาครบสามสัปดาห์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ภาวะถดถอยในตลาดหุ้นวอลสตรีท เป็นการกระตุ้นให้เกิดการระมัดระวังในการสร้างหนี้
เงินยูโรแข็งค่าขึ้นมา 0.2% เป็น 1.1681 ดอลลาร์หลังจากพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 23 เดือนที่ 1.1683 ดอลลาร์ในวันศุกร์ที่ผ่านมา
สกุลเงินร่วมได้รับความนิยมอย่างมากภายหลังจากที่ตลาดทราบว่า ประธานธนาคารกลางยุโรป มาริโอ ดรากี้ ออกมากังวลเงินเฟ้อจะเร่งตัวในอนาคต
เงินดอลลาร์อ่อนตัวลง 0.2% แตะที่ 110.965 เยนโดยเงินเยนแข็งค่าขึ้นเมื่อ 5 สัปดาห์ที่ผ่านมา
ดอลลาร์ออสเตรเลียซื้อขายที่ระดับ 0.7925 เหรียญหลังจากที่ถูกกดจากระดับสูงสุดในรอบ 26 เดือนที่ 0.7992 ดอลลาร์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
ดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ก่อนที่การอ่อนตัวของมันจะถูกบรรเทาโดยคำแนะนำของผู้ว่า RBA Guy Debelle ในการใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเมื่อวันศุกร์
ส่วนดอลลาร์นิวซีแลนด์นั้นดีขึ้นเป็น 0.7460 นับว่าสูงสุดตั้งแต่กันยายนปีที่แล้ว เมื่อศุกร์ที่ผ่านมา
ที่มา : รอยเตอรส์